หลังจากมีกระแสข่าวว่ากลุ่มกาสิโนจะขายธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ต อย่างห้างบิ๊กซีซูเปอร์เตอร์ในประเทศไทยออกมาเป็นระยะ เนื่องจากกิจการในยุโรปค่อนข้างมีปัญหา จากผลกระทบจากปัจจัยลบเศรษฐกิจในภูมิภาคยุโรปตกต่ำ ส่งผลให้มีผู้ประกอบการไทยหลายรายสนใจที่จะเข้ามาร่วมเสนอราคา เพื่อซื้อกิจการของห้างบิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์กันอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มซีพี ของนายธนินท์ เจียรวนนท์ กลุ่มเซ็นทรัล ของนายทศ จิราธิวัฒน์ หรือกลุ่มไทยเบฟเวอเรจ ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี

พอมีกระแสข่าวออกมาในรูปแบบดังกล่าว ส่งผลให้มีนักการตลาดและผู้ที่อยู่ในวงการค้าปลีกต่างออกมาประเมินสถานการณ์ความน่าจะเป็นว่า ใครน่าจะมีความสนใจจะซื้อกิจการมากที่สุด เพื่อนำมาต่อยอดธุรกิจในเครือที่มีอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ออกมาประเมินว่า "นายเจริญ" มีความเป็นไปได้มากที่สุด เนื่องจากธุรกิจของนายเจริญ ยังขาดธุรกิจปลายน้ำที่มีศักยภาพ และเป็นวิธีที่จะก้าวไปสู่ธุรกิจปลายน้ำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากที่สุดกว่าการสร้างแบรนด์ห้างค้าปลีกขึ้นมาเอง คือ การเข้าไปซื้อกิจการธุรกิจค้าปลีกที่มีความแข็งแกร่ง ซึ่งห้างไฮเปอร์มาร์เก็ตก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่นายเจริญยังขาด แม้ว่าปัจจุบันจะมีการทดลองเปิดธุรกิจค้าปลีกค้าส่งบ้างแล้ว ที่จังหวัดใกล้กับชายแดนภายใต้ชื่อ "เอ็มเอ็ม เมก้า มาร์เก็ต"
.jpg)
จากการคาดการณ์ดังกล่าวถือเป็นการเดาที่ถูกทาง เพราะล่าสุดนายเจริญ ได้ส่งบริษัท ทีซีซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด เข้าซื้อและขายหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมในบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) รวมทั้งสิ้นจำนวน 483,077,600 หุ้น คิดเป็นหุ้นจำนวนร้อยละ 58.56 ของหุ้นที่ออกแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ในราคาต่อหุ้นเท่ากับ 252.88 บาท หรือคิดเป็นมูลค่าการซื้อขายกิจการอยู่ที่ประมาณ 1.2 แสนล้านบาท เพื่อนำมาต่อยอดธุรกิจต้นน้ำ เนื่องจากสินค้าในเครือส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค
แม้ว่าขณะนี้นายเจริญจะยังไม่ส่งตัวแทนออกมาประกาศแผนการดำเนินธุรกิจของห้างบิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ เนื่องจากขั้นตอนการซื้อขายยังไม่สิ้นสุด แต่เบื้องต้นก็มีข่าวการบริหารงานภายหลังเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นว่า การทำงานทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ธุรกิจของห้างบิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ยังคงเดินไปตามแผนงานเดิมที่วางไว้ โดยในส่วนของปีนี้ยังคงใช้งบลงทุนที่ประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท ในการขยายสาขาใหม่ 22 สาขา แบ่งเป็น ไฮเปอร์มาร์เก็ต 5 สาขา บิ๊กซีมาร์เก็ต 3 สาขา มินิบิ๊กซี 11 สาขา และร้านขายยาเพียว 3 สาขา จากปัจจุบัน บิ๊กซีฯ มีจำนวนไฮเปอร์มาร์เก็ต 125 สาขา (บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้าและบิ๊กซี จัมโบ้) บิ๊กซี มาร์เก็ต 55 สาขา มินิบิ๊กซี 394 สาขา และร้านขายยาเพรียว 146 สาขา
หลังจากได้ห้างบิ๊กซีซูแอร์เซ็นเตอร์มาต่อยอดธุรกิจ ส่งผลให้ขาธุรกิจค้าปลีกของนายเจริญ มีความแข็งแกร่งและครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น โดยเฉพาะขาธุรกิจในด้านของช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจค้าปลีกของนายเจริญ จะเน้นไปที่การพัฒนาพื้นที่ขายในรูปแบบศูนย์การค้าประเภทต่างๆ เป็นหลัก
ปัจจุบันนายเจริญ ได้มีการแบ่งธุรกิจค้าปลีกอยู่ภายใต้การบริหารงานของ 2 บริษัทหลัก คือ บริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ จำกัด ในเครือกลุ่มทีซีซีแลนด์ มาดูแลธุรกิจศูนย์การค้าในรูปแบบสแตนอโลน 5 แบรนด์ ประกอบด้วย เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์, เกตเวย์, เซ็นเตอร์พอยท์ ออฟ สยามสแควร์, พันธุ์ทิพย์ และบ็อกซ์ สเปซ ส่วนอีกหนึ่งบริษัท คือ บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ทำหน้าที่ดูแลธุรกิจศูนย์การค้าที่ในอยู่ภายในคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ ปัจจุบันมีศูนย์การค้าที่อยู่ในความดูแล 1 แห่ง คือ ศูนย์การค้าเดอะ สตรีท รัชดา
.jpg)
ในส่วนของธุรกิจค้าปลีกของนายเจริญ ที่เปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบันจะมีลักษณะและรูปแบบที่แตกต่างกันไป โดยในส่วนของแบรนด์ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ จะเป็นศูนย์การค้าในรูปแบบโอเพ่นแอร์ เน้นจำหน่ายสินค้าของฝากและร้านอาหารเป็นหลัก เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งในเร็วๆ นี้มีแผนที่จะพัฒนาโครงการในเฟสที่ 2 เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวที่นับวันจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย จะวางเป็นศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์มอลล์สำหรับครอบครัว เนื่องจากมีการเปิดโซนใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เช่น โซนแฟชั่นสุดฮิปอย่าง Urbano ที่มีการผสมผสานระหว่างแฟชั่น และศิลปะได้อย่างลงตัว โซนสินค้า IT ภายใต้ชื่อ Tech Life เพื่อเติมเต็มชีวิตในโลกเทคโนโลยี โซนจำหน่ายอาหารสดอย่างผักและผลไม้ รวมไปถึงการดึง Snow Town Bangkok เข้ามาเปิดให้บริการ ส่งผลให้จำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็นที่น่าพอใจ
ด้านศูนย์การค้าดิจิทัล เกตเวย์ หลังจากปรับโฉมให้กลายเป็น “เซ็นเตอร์พอยท์ ออฟ สยามสแควร์” ด้วยการล้างภาพการเป็นศูนย์การค้าไอทีมาเป็นศูนย์การค้าแฟชั่นและความงามที่ทันสมัย เพื่อดึงกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มคนทำงานให้เข้ามาใช้บริการ ก็ได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดีเช่นกัน เพราะนอกจากจะปรับโฉมใหม่แล้ว ยังมีร้านค้าใหม่ๆ อย่าง B.duck เป็ดสีเหลืองสัญชาติฮ่องกง ที่มาเปิดตัวในรูปแบบของคอนเทนเนอร์ B.Duck Café สาขาแรกนอกเกาะฮ่องกง
อีกหนึ่งแบรนด์ค้าปลีกที่ได้ทยอยปรับโฉมไปแล้ว คือ พันธุ์ทิพย์ เนื่องจากปัจจุบันภาพรวมร้านค้าไอทีมีแนวโน้มชะลอตัว บริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ จึงต้องการเปลี่ยนรูปแบบทางการค้าของห้างพันธุ์ทิพย์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันแนวคิด Internet of Things เป็นเรื่องใกล้ตัวมากกว่าแต่ก่อน
ส่วนแบรนด์น้องใหม่ บ็อกซ์สเปซ (Box Space) ขณะนี้อยู่ระหว่างการสร้างฐานลูกค้า เนื่องจากเป็นศูนย์การค้าแนวใหม่ที่ต้องการปั้นให้เป็น Community Mall แหล่งพบปะสังสรรค์ของคนเมืองลักษณะ Outdoor ตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบ Lifestyle social community โครงการ Box Space เน้น Concept Vibrant Box คือ การนำตู้คอนเทนเนอร์มาใช้เพื่อให้เกิดความแปลกใหม่และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ภายในโครงการแบ่งพื้นที่เป็นทั้งหมด 3 โซน คือโซน Market Weekend, Plaza Zone และ Hangout Zone โดยโครงการได้สรรหาร้านค้าเพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน
ในด้านของฝั่งบริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด หลังจากเปิดตัวศูนย์การค้าแรกที่อยู่ในความดูแลไปอย่าง ศูนย์การค้าเดอะ สตีท รัชดา ก็ได้ผลการตอบรับจากลูกค้าดีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะศูนย์การค้าดังกล่าวมีจุดเด่นในด้านของการมีบริการโซนเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในย่านนั้น
.jpg)
สำหรับรูปแบบธุรกิจแบรนด์น้องใหม่ของ ห้างเอ็มเอ็ม เมก้า มาร์เก็ตที่นายเจริญ วางหมากไว้ว่าให้เป็นธุรกิจค้าปลีกประเภทห้างสรรพสินค้าแบบค้าปลีกและค้าส่ง ซึ่งสาขาแรกที่เปิดให้บริการ คือ หนองคาย ก็ได้ข่าวว่าลูกค้าให้ผลการตอบรับเป็นที่น่าพอใจทั้งจากลูกค้าชาวไทยและลูกค้าชาวลาวที่ข้ามฝั่งมาซื้อสินค้า
จากที่กล่าวไปข้างต้นคงต้องมาจับตาดูกันอีกว่าจะมีธุรกิจค้าปลีกประเภทไหนที่นายเจริญให้ความสนใจอีก เพราะถ้าหากมองดูธุรกิจค้าปลีกที่มีอยู่ในมือ ยังขาดอีก 2 ประเภทที่มีความน่าจะเป็น คือ ซูเปอร์มาร์เก็ต และคอนวีเนียนสโตร์ หรือร้านสะดวกซื้อ โดยเฉพาะในส่วนของร้านสะดวกซื้อที่ยังคงซุ่มเงียบ หลังจากก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าจะส่งแบรนด์ "บี สมาร์ท" ซึ่งทดลองอยู่ที่เวียดนาม นำเข้ามาเปิดในประเทศไทย แต่เนื่องจากการแข่งขันสูง แถมเจ้าตลาดยังมีความแข็งแกร่ง แผนดังกล่าวเลยชะลอออกไปอย่างไม่มีกำหนด
หลังจากนี้ อาณาจักรค้าปลีกของนายเจริญ จะเป็นอย่างไร ธุรกิจที่มีอยู่ในมือจะสามารถนำมาต่อยอดธุรกิจต้นน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ หมากเกมนี้คงจะเห็นผลได้ในเร็วๆ นี้
ข่าวเด่น