กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เร่งขยายหมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยหลัก 3อ. 2 ส. ลดโรคเรื้อรังคุกคามสุขภาพวัยทำงาน สูงอายุ ได้แก่มะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด สูญเสียค่ารักษาปีละกว่าแสนล้านบาท โดยความร่วมมือประชารัฐ หลังดำเนินการ 6 ปี ได้ผลดีทั้งความรู้และพฤติกรรม ประชาชนลงมือปรับเปลี่ยนตนเองสูงถึงร้อยละ 80 ปีนี้ตั้งเป้าดำเนินการ 52,000 หมู่บ้านจะครบทั้งประเทศในปีหน้า
นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนนุบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังนำคณะลงพื้นที่เยี่ยมชมหมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดโรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ในโครงการเฉลิมพระเกียรติ 57 พรรษามหาวชิราลงกรณ์ ที่หมู่ 5บ้านหนองไทร ต.ทุ่งควายกิน อ.แกลง จ.ระยอง ว่า ในปี 2559 นี้ กรมสบส.ได้เร่งสร้างความเข้มแข็งของภาคประชาชน เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาโรคเรื้อรังที่คุกคามชีวิตโดยเฉพาะวัยทำงานและวัยสูงอายุในอันดับต้นๆของประเทศ ได้แก่โรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งในปี 2558ทั้ง 4 โรคนี้ใช้เงินค่ารักษามากกว่า1 แสนล้านบาท สาเหตุของโรคที่กล่าวมาเกิดจากการมีพฤติกรรมเสี่ยงหลายอย่างร่วมกัน ได้แก่ กินผักผลไม้น้อย กินอาหารรสหวาน มันเค็ม และออกกำลังกายไม่เพียงพอ จัดการความเครียดไม่เหมาะสม สูบบุหรี่และดื่มเหล้า
.jpg)
อธิบดีกรม สบส.กล่าวต่อว่า ในการลดโรคดังกล่าว กรม สบส.ได้ใช้ยุทธศาสตร์เพชรตัดเพชร เน้นการแก้ที่ต้นเหตุคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงของประชาชนทุกคนด้วยหลัก3 อ.2 ส. ได้แก่การปรับพฤติกรรมการกินอาหาร ลดเค็ม ลดมัน เพิ่มการกินผักสด ผลไม้มากขึ้นกว่าวันละ 500 กรัม ออกกำลังกายให้ได้วันละไม่ต่ำกว่า30 นาที สัปดาห์ละอย่างน้อย5 วัน เพื่อควบคุมน้ำหนักตัว และรักษาอารมณ์ ลดเครียด ส่วน2 ส.คืองดการดื่มสุรา และงดการสูบบุหรี่เริ่มดำเนินการในหมู่บ้านต้นแบบจำนวน304 แห่งในปี 2552 ได้ผลดีมาอย่างต่อเนื่อง ในปี 2559 นี้ ขยายผลอีก 52,000 หมู่บ้าน และได้บูรณาการเข้าสู่ตำบลจัดการสุขภาพ อันจะเป็นความร่วมมือในภาพการทำงานแบบประชารัฐที่สมบูรณ์แบบ คือทั้งเครือข่ายภาคราชการทั้งหมด ผู้นำชุมชน อสม.และประชาชนในแต่ละหมู่บ้าน ใช้กระบวนการมีส่วนร่วม ร่วมคิด ร่วงวางแผน ร่วมดำเนินการ ตั้งเป้าครบทุกหมู่บ้านทั่วประเทศในปีหน้านี้
ทางด้านนายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรม สบส.กล่าวว่า จากการติดตามประเมินผลหมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมพบว่าได้ผลดีขึ้น ประชาชนตื่นตัวมีการดูแลจัดการสุขภาพตนเองและครอบครัว และลงมือปรับเปลี่ยนตนเองสูงถึงร้อยละ 80 ผลการสำรวจล่าสุดในปี 2558 พบว่าในกลุ่มอายุ 15 ปีขึ้นไป มีความรอบรู้ด้านสุขภาพระดับดีมากร้อยละ 13 เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2557 และมีพฤติกรรมสุขภาพตามเกณฑ์ในระดับดีมากร้อยละ 15 เพิ่มขึ้นจากเดิม 2 เท่าตัว ส่งผลให้ผู้ที่เป็นโรคแล้ว สามารถควบคุมอาการของโรคเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 72 ชุมชนส่วนใหญ่มีมาตรการลดป่วยของชุมชน เช่น งดกินน้ำอัดลมในงานเลี้ยงต่างๆ ในหมู่บ้าน ทุกครัวเรือนมีอย่างน้อย 1 คน เป็นสมาชิกชมรมออกกำลังกาย ห้ามตั้งวงดื่มสุราในครอบครัวที่มีเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี หากทำผิดกติกา จะถูกสงวนสิทธิ์บางอย่างในชุมชน จนกว่าจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ถูกต้อง
สำหรับที่หมู่ 5 บ้านหนองไทร ต.ทุ่งควายกิน มีประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป จำนวน 341 คน ได้ปรับเปลี่ยน3อ.2 ส.ตั้งแต่พ.ศ. 2556 พบว่าได้ผล กลุ่มไม่ป่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ในกลุ่มป่วยที่มีจำนวน 29 คน สามารถคุมอาการได้ในระดับปกติ ร้อยละ 35 ลดป่วยรายใหม่ได้ที่เคยมีร้อยละ20 เหลือร้อยละ 10ประชาคมหมู่บ้านกำหนดมาตรการทางสังคม โดยให้ทุกบ้านต้องมีน้ำพริกผักพื้นบ้านในสำรับกับข้าวทุกมื้อ ดื่มน้ำสะอาดแทนน้ำอัดลมในงานพิธีกรรม และให้ทุกบ้านติดกะลาทาสี7 สี เพื่อบอกจำนวนคนป่วย คนปกติ ไว้ที่หน้าบ้าน คนปกติใช้สีขาว คนป่วยใช้สีเขียวเข้ม สีเหลือง สีส้ม สีแดงและสีดำ ตามลำดับความรุนแรงอาการที่ตรวจรักษาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
ข่าวเด่น