การศึกษา-สิ่งแวดล้อม-สาธารณสุข
ผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกของQSชี้การลงทุนในภาคการศึกษาช่วยหนุนอันดับมหาวิทยาลัย


 


ผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากทั่วโลกฉบับที่ 13 ของ QS World University Rankings เผยการลงทุนในภาคการศึกษาระดับอุดมศึกษา ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในมหาวิทยาลัยของรัฐหรือเอกชน เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้อันดับของมหาวิทยาลัยปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้ (เกาหลีใต้ รัสเซีย สหรัฐ และ จีน) รวมทั้งมหาวิทยาลัยที่มีอันดับร่วงลงด้วยเช่นกัน (ส่วนใหญ่จะเป็นมหาวิทยาลัยจากยุโรปตะวันตกและยุโรปใต้ แอฟริกาใต้ และละตินอเมริกา)

 - มหาวิทยาลัย MIT ครองอันดับสูงสุดต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 5
- มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดครองอันดับ 2 ในปีนี้ ตามมาด้วยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่อันดับ 3
- สถาบันการศึกษาจากสหรัฐคว้าตำแหน่งท็อป 3 ไปครองเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2547/48
- อันดับของมหาวิทยาลัยจากยุโรปตะวันตกร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหราชอาณาจักรและเยอรมนี โดยมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ปรับตัวลงมาอยู่ที่อันดับ 4 ในปีนี้
- อันดับของมหาวิทยาลัยจากรัสเซียและเกาหลีใต้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับสถิติตลอด 13 ปีที่ผ่านมา (ไต่ขึ้นติดท็อป 16 จากทั้งหมด 500 มหาวิทยาลัย)
- มหาวิทยาลัยชิงหวาไต่ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 24 ในปีนี้ ซึ่งเป็นอันดับสูงสุดจากสถิติทั้งหมดที่ผ่านมา นับเป็นความก้าวหน้าทางการศึกษาของจีนอย่างแท้จริง
- มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (อันดับที่ 12) ครองตำแหน่งที่สูงที่สุดของมหาวิทยาลัยในเอเชีย
- ออสเตรเลียและแคนาดาส่งรายชื่อมหาวิทยาลัยประเทศละ 9 แห่งขึ้นมาอยู่ในอันดับท็อป 200 ปรับตัวขึ้นจากปีที่ผ่านมาประเทศละ 1 แห่ง

- สำหรับภูมิภาคละตินอเมริกา แม้จะทำผลงานได้ไม่โดดเด่นนัก แต่ก็สามารถส่งมหาวิทยาลัย Universidad de Buenos Aires (อันดับที่ 85) ขึ้นแท่นท็อป 100 ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2549 ถือเป็นมหาวิทยาลัยจากละตินอเมริกาที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุดเป็นลำดับที่ 2 หลังจากที่ Latin American university เคยทำสถิติไว้ก่อนหน้านี้

- Universidade de São Paulo ทำสถิติสูงสุดในปีนี้ ด้วยการไต่ขึ้นอันดับที่ 120 ได้สำเร็จ

   
2559     2558     มหาวิทยาลัย 20 อันดับแรก       ประเทศ

1         1           MIT                               สหรัฐอเมริกา
2          3=        STANFORD                  สหรัฐอเมริกา
3          2          HARVARD                    สหรัฐอเมริกา
4          3=        CAMBRIDGE                สหราชอาณาจักร
5          5          CALTECH                     สหรัฐอเมริกา
6          6          OXFORD                      สหราชอาณาจักร
7          7          UCL                             สหราชอาณาจักร
8          9          ETH ZURICH                สวิตเซอร์แลนด์
9          8            IMPERIAL COLLEGE   สหราชอาณาจักร
10        10         CHICAGO                     สหรัฐอเมริกา
11        11          PRINCETON                 สหรัฐอเมริกา
12        12          NATIONAL UNIVERSITY OF SINGAPORE  สิงคโปร์
13        13          NANYANG TECHNOLOGICAL UNIVERSITY  สิงคโปร์
14        14          EPFL                             สวิตเซอร์แลนด์
15        15          YALE                             สหรัฐอเมริกา
16         17        CORNELL                      สหรัฐอเมริกา
17         16        JOHNS HOPKINS           สหรัฐอเมริกา
18         18        UPENN                           สหรัฐอเมริกา
19         21        EDINBURGH                   สหราชอาณาจักร
20        22        COLUMBIA                     สหรัฐอเมริกา

 (C) QS Quacquarelli Symonds www.TopUniversities.com

 QS จัดอันดับมหาวิทยาลัยทั่วโลกโดยอาศัยข้อมูลจากการสำรวจความคิดเห็นของนักวิชาการ 74,651 ราย และนายจ้าง 37,781 ราย ซึ่งถือว่ามากที่สุดในบรรดาการสำรวจในลักษณะเดียวกัน ประกอบกับการวิเคราะห์เอกสารงานวิจัย 10.3 ล้านฉบับ และเอกสารอ้างอิงกว่า 66.3 ล้านฉบับ จากการจัดทำดัชนีจากฐานข้อมูล Scopus ของ Elsevier 

 
เบน โซวเทอร์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ QS กล่าวว่า "สถาบันการศึกษาจากประเทศที่ให้การสนับสนุนด้านเงินทุนสูงไม่ว่าจะมาจากการบริจาคหรือมาจากการสนับสนุนของภาคเอกชน ล้วนแล้วแต่มีอันดับสูงขึ้นทั้งสิ้น ขณะที่มหาวิทยาลัยจากทางยุโรปตะวันตกเสียตำแหน่งมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกให้กับคู่แข่งที่มาจากสหรัฐและเอเชีย  "

 
การจัดอันดับครั้งนี้ครอบคลุมมหาวิทยาลัย 916 แห่ง จากทั้งหมด 81 ประเทศ โดยมีมหาวิทยาลัยจาก 33 ประเทศที่ติด 200 อันดับแรก สำหรับประเทศที่ติดอันดับมากที่สุดประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา 48 แห่ง ตามมาด้วยสหราชอาณาจักร 30 แห่ง เนเธอร์แลนด์ 12 แห่ง เยอรมนี 11 แห่ง แคนาดาและออสเตรเลียประเทศละ 9 แห่ง ญี่ปุ่น 8 แห่ง  จีน 7 แห่ง ฝรั่งเศส 5 แห่ง สวีเดน 5 แห่ง และฮ่องกง 5 แห่ง


 

 

LastUpdate 06/09/2559 09:45:19 โดย : Admin
21-07-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ July 21, 2025, 2:35 am