การค้า-อุตสาหกรรม
SCG เดินหน้าลงทุนในอาเซียนทุกกลุ่มธุรกิจ


ปูนซิเมนต์ไทยเร่งศึกษาลงทุนในโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ที่อินโดนีเซีย คาดได้ข้อสรุปกลางปี 61 ส่วนโครงการปิโตรเคมีครบวงจรที่เวียดนามมั่นใจ  มีข้อสรุปชัดเจนกลางปีนี้ คาดผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 65 


นายรุ่งโรจน์  รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) เปิดเผยว่า บริษัทร่วมกับพันธมิตร คือ พีที จันทรา แอสซรี ที่ปูนซิเมนต์ไทยถือหุ้นอยู่ 30.5% ศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์แห่งที่ 2 ที่อินโดนีเซีย คาดว่าจะสรุปผลได้ในกลางปี 2561 เนื่องจากอินโดนีเซียมีศักยภาพและมีความต้องการใช้เม็ดพลาสติกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

 
ส่วนโครงการปิโตรเคมีครบวงจรแห่งแรกในเวียดนามตั้งอยู่ในจังหวัดบาเรียหวุงเต่า  ก็มีความคืบหน้าไปมาก คาดว่าจะสรุปทั้งมูลค่าการลงทุนและกำลังการผลิตในกลางปีนี้  ซึ่งบริษัทได้ตัดสินใจเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในโครงการนี้เป็น 71% โดยเข้าไปถือหุ้นแทนกาตาร์ที่ถอนตัวไป ส่วนหุ้นที่เหลืออีก 29% เป็นการถือหุ้นของปิโตรเวียดนาม ซึ่งก่อนหน้านี้ บริษัทพยายามที่จะหาพันธมิตรใหม่เข้ามาร่วมถือหุ้นในโครงการดังกล่าวแทนกาตาร์ที่ถือหุ้นอยู่ 25% แต่ได้ถอนตัวไปหลังจากราคาน้ำมันตกต่ำ  แต่สุดท้ายบริษัทฯ ก็ไม่สามารถตกลงเรื่องโครงสร้างและการทำงานกันได้ จึงตัดสินใจเข้าไปถือหุ้นแทนกาตาร์ เพื่อให้โครงการดังกล่าวสามารถเดินหน้าต่อไป และมั่นใจว่าปีนี้จะเริ่มก่อสร้างโครงการและแล้วเสร็จในปี2565

นายรุ่งโรจน์กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทวางงบลงทุนไว้ที่ 6-7 หมื่นล้านบาท โดยกึ่งหนึ่งเป็นเงินลงทุนสำหรับการซื้อกิจการ และมีบางส่วนใช้สำหรับ  โครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ที่เวียดนามด้วย  โดยไตรมาสแรกปีนี้บริษัทใช้เงินลงทุนในการซื้อกิจการไปแล้ว 1.3-1.4 หมื่นล้านบาท แต่ยังไม่รวมหนี้จากการซื้อกิจการอีก 8 พันล้านบาท รวมแล้ว 2.2 หมื่นล้านบาท
          
 
สำหรับธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างนั้น ได้เข้าลงทุนใน Vietnam Construction Materials JSC (VCM) ซึ่งเป็นธุรกิจซีเมนต์ครบวงจรในประเทศเวียดนาม มีกำลังการผลิต 3.1 ล้านตันต่อปี ตั้งอยู่ในจังหวัดกว๋าง-บิ่นอยู่ในภาคกลางของประเทศ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการทำธุรกิจที่สามารถรองรับความต้องการของตลาดปูนซีเมนต์ในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศได้เป็นอย่างดี ขณะที่โรงงานปูนซีเมนต์ในประเทศพม่าได้เริ่มผลิตสินค้าออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนมกราคม และ สปป.ลาวในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ปัจจุบันเอสซีจีมีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์ในอาเซียนไม่นับประเทศไทย รวม 10.5 ล้านตันต่อปี

ด้านธุรกิจแพกเกจจิ้ง เอสซีจีได้ลงทุนใน Indocorr ซึ่งเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษคุณภาพสูงในประเทศอินโดนีเซีย มีกำลังการผลิตรวม 32,000 ตันต่อปี ปัจจุบันเอสซีจีมีกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษ รวมทั้งหมด 1,045,000 ตันต่อปี นอกจากนี้ยังหาโอกาสในการลงทุนในบรรจุภัณฑ์ทุกประเภท ทั้งบรรจุภัณฑ์กระดาษ และ Flexible Packaging เพื่อเป็นการรองรับความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในไทย และภูมิภาคอาเซียน รวมถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปที่เน้นการบริโภคอาหารนอกบ้านมากขึ้น

สำหรับยอดขายสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High Value Added Products & Services - HVA) ในไตรมาสที่ 1 ปี 2560 คิดเป็น 43,759 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 38 ของยอดขายรวม โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2560 บริษัทมีรายได้จากการขาย 116,268 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% และมีกำไร 17,386 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% ส่วนใหญ่มาจากการดำเนินงานที่ดีของธุรกิจเคมีภัณฑ์ และกำไรจากการขายหุ้น บมจ.พีทีทีโกลบอลเคมิคอล ที่ถืออยู่ทำให้รับรู้กำไรถึง 1,490 ล้านบาท
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 30 เม.ย. 2560 เวลา : 22:47:09
11-05-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 11, 2025, 5:21 pm