.jpg)
โดย นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้ให้นโยบายกรมสรรพากรไปพิจารณาให้การทำประกันสุขภาพสามารถหักลดหย่อนภาษีได้จำนวนหนึ่ง เช่น ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาทต่อปี ซึ่งกรมสรรพากรได้เห็นด้วยในหลักการแล้ว แต่กรมสรรพากรยังไม่ได้เสนอรายละเอียดขึ้นมาให้กระทรวงการคลังพิจารณา เพราะเป็นมาตรการที่เป็นประโยชน์กับหลายฝ่าย ทั้งผู้ทำประกัน บริษัทประกัน และรัฐบาล ซึ่งจะช่วยลดภาระค่ารักษาพยาบาลของบัตรทอง และประกันสังคมให้ลดลง เป็นการประหยัดงบประมาณของประเทศได้อีกมาก
ทั้งนี้ในอดีตที่ผ่านมา การทำประกันสุขภาพถือเป็นส่วนหนึ่งของประกันชีวิต สามารถลดหย่อยภาษีได้ทั้งหมด แต่ภายหลังมีการตีความว่าประกันสุขภาพไม่ได้เป็นประกันชีวิต ทำให้หักลดหย่อนภาษีไม่ได้ ซึ่งบริษัทประกันได้เรียกร้องกับรัฐบาลมาตลอดให้ประกันสุขภาพสามารถหักลดหย่อนเหมือนประกันชีวิต เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนทำประกันดูแลรักษาตัวเองไม่เป็นภาระกับงบประมาณ
.jpg)
แหล่งข่าวจาก สมาคมประกันวินาศภัยไทย อธิบายเพิ่มเติมว่า ในอดีตผู้ที่ซื้อเบี้ยประกันสุขภาพจะถูกรวมไว้กับเบี้ยประกันชีวิต สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้อยู่ภายใต้วงเงิน 1 แสนบาท จนถึงปีภาษี 2551 กรมสรรพากรประกาศยกเลิกไม่ให้มีการนำเบี้ยประกันสุขภาพมาหักลดหย่อนภาษีได้อีกตั้งแต่ปี 2552 ทำให้ผู้ที่ซื้อประกันสุขภาพตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2552 ไม่สามารถนำเบี้ยสุขภาพมาหักลดหย่อนได้อีกจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นหากกรมสรรพากรให้หักลดหย่อนเบี้ยประกันสุขภาพได้ 1.5 หมื่นบาท/ปี ประชาชนก็สามารถซื้อทุนประกันได้ประมาณ 2-3 แสนบาท โดยปกติประชาชนจะใช้การเคลมประกันก่อน เมื่อเจ็บป่วย ซึ่งเท่ากับช่วยลดภาระ งบประมาณเพื่อสุขภาพของรัฐได้ ส่วนหนึ่ง ซึ่งคนชั้นกลางจะได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้
ซึ่งหากมาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้คาดว่า ประชาชนจะหันมาซื้อประกันสุขภาพกับบริษัทประกันวินาศภัยมากขึ้น เพราะสามารถซื้อประกันสุขภาพได้เลย เช่น เบี้ยปีละ 8,000 บาท ก็ซื้อได้ทันที ต่างจากการซื้อกับบริษัทประกันชีวิต ที่ต้องถูกบังคับให้ซื้อประกันชีวิตและประกันสุขภาพควบคู่กัน ทำให้ประชาชนต้องใช้เงินมากกว่า
ด้าน นางนุสรา บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า หากคลังเพิ่มสิทธิลดหย่อนภาษีให้กับผู้ที่ซื้อประกันสุขภาพได้อีกครั้งก็จะช่วยให้ประชาชนหันมาดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น และลดภาระการไปใช้สวัสดิการของรัฐลงได้ ขณะเดียวกันหากสามารถผลักดันให้ออกมาใช้ได้ทันภายในปีนี้ ก็เชื่อว่าจะมีส่วนช่วยให้ประชาชนหันมาซื้อประกันสุขภาพเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากช่วงปลายปีที่ประชาชนจะซื้อประกันเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษี
ส่วนนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรใช้เวลาไม่นานในการพิจารณานำเบี้ยประกันสุขภาพมาหักค่าลดหย่อนภาษี ซึ่งปัจจุบันประมวลรัษฎากรกำหนดว่า การหักค่าลดหย่อนภาษีจากการซื้อประกันชีวิตต้องเข้าเงื่อนไข 3 องค์ประกอบ คือ 1.ระยะเวลาในการทำประกันชีวิตต้องมีอายุเกินกว่า 10 ปี 2.การหักค่าลดหย่อนนั้นจะทำได้ เฉพาะบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทยเท่านั้น และ 3.ไม่นับรวมประกันสุขภาพ
ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า กรมสรรพากรได้ศึกษาข้อมูลเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยจะเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณา 1 รูปแบบ จากที่เสนอไปทั้งหมด 2 รูปแบบคือ 1.เพิ่มเบี้ยประกันสุขภาพให้แก่ประชาชนอีกคนละไม่เกิน 15,000 บาท ต่อปี และ2.สามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพมานับรวมกับเบี้ยประกันชีวิต แต่รวมแล้วไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี
ข่าวเด่น