กรมสุขภาพจิต ใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลเด็กนักเรียนประถมศึกษาที่มีปัญหาการเรียน หรือมีพฤติกรรมและอารมณ์ ซึ่งมีราว 2 แสนคนทั่วประเทศ โดยพัฒนาแอพพลิเคชั่น “ฮีโร่” เป็นช่องทางให้คำปรึกษาเชื่อมต่อการดูแลร่วมกันระหว่างครู -หมอ-พ่อแม่ ผลการพัฒนาโปรแกรมในพื้นที่เป็นเวลา 2 ปี ได้ผลดี เด็กร้อยละ 70 มีพฤติกรรมและอารมณ์กลับเป็นปกติหรือดีขึ้น อีกร้อยละ 30 ส่งตัวเข้าสู่ระบบการดูแลรักษาต่อเนื่อง เร่งขยายผลใช้ครอบคลุมทุกพื้นที่
.jpg)
นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับนโยบาย การพัฒนาสุขภาพจิตกลุ่มเด็กวัยเรียนอายุ 6-12 ปี ซึ่งมี 5 ล้านกว่าคน ร้อยละ 90 อยู่ในระบบการศึกษา ว่า กรมสุขภาพจิตได้จัดโครงการความร่วมมือกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาระดับประถมศึกษา หรือโครงการฮีโร่ (Health and Educational Regional Operation : HERO) เฝ้าระวังนักเรียนที่มีปัญหาพฤติกรรมและอารมณ์ หรือมีปัญหาการเรียนเช่นเรียนไม่ทันเพื่อน สอบตกซ้ำชั้น และให้การดูแลช่วยเหลือเด็กร่วมกันระหว่างครูประจำชั้น ในโรงเรียนระดับประถมศึกษาที่มีกว่า 20,000 แห่ง กับบุคลากรการแพทย์ประจำโรงพยาบาลชุมชน 851 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้เด็กมีทักษะชีวิตและก้าวเข้าสู่วัยรุ่นอย่างมีคุณภาพ ผลการเฝ้าระวังที่ผ่านมา พบเด็กนักเรียนมีปัญหาพฤติกรรมอารมณ์ไม่ต่ำกว่า 200,000 คน โดยครูสามารถให้การดูแลปรับพฤติกรรมและอารมณ์ของเด็กส่งผลให้เด็กมีพฤติกรรมและอารมณ์ดีขึ้น สนใจเรียนเพิ่มขึ้นผลการเรียนมีแนวโน้มดีขึ้น
ในปีนี้ กรมสุขภาพจิตได้ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนาประสิทธิภาพการดูแลและติดตามประเมินผลเด็กที่ป่วยหรือมีปัญหาการเรียนแต่ละคน โดยให้สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ จ.เชียงใหม่พัฒนา “แอพพลิเคชั่นฮีโร่” เชื่อมการดูแลเด็กร่วมกันระหว่างผู้ดูแล 3 ฝ่าย คือ ครู หมอ พ่อแม่อย่างต่อเนื่อง และขยายผลใช้ทุกพื้นที่ ซึ่งแอพฯ นี้จะช่วยให้เด็กที่มีปัญหาพฤติกรรมอารมณ์ที่อาจเกิดมาจากโรคทางจิตเวชที่พบได้บ่อย 6 โรค ได้แก่ โรคสมาธิสั้น โรคบกพร่องทางการเรียนรู้ โรคสติปัญญาบกพร่อง โรคออทิสติก โรคดื้อต่อต้านและโรคซึมเศร้า เข้าถึงบริการดูแลรักษาเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันจะใช้แอพฯนี้ เป็นฐานข้อมูลของประเทศในการดูแลรักษาเด็กนักเรียนที่มีปัญหาการเรียนและมีปัญหาพฤติกรรมอารมณ์ด้วย
ทางด้านแพทย์หญิงดุษฎี จึงศิรกุลวิทย์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า โครงการฮีโร่ พัฒนาขึ้นโดยสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือและขยายผลมาสู่ภาคเหนือในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผลการวิจัยทดลองในพื้นที่พบว่าได้ผลดี ครูมีความรู้และเข้าใจโรคจิตเวชดีขึ้น สามารถให้การดูแลเด็กที่มีปัญหา มีอาการดีขึ้นได้ถึงร้อยละ 70 โดยเด็กร้อยละ 30 พฤติกรรมและอารมณ์ลดลงจนเป็นปกติเหมือนเด็กทั่วไป อีกร้อยละ 40 มีอาการดีขึ้น ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 30 ที่อาการไม่ดีขึ้น จะส่งพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยความผิดปกติและเข้าสู่ระบบการดูแลรักษา โดยไม่ต้องออกจากระบบโรงเรียน
สำหรับแอพพลิเคชั่นฮีโร่นั้น จะเป็นช่องทางในการติดตามประเมินผลและให้คำปรึกษาช่วยเหลือเด็กที่มีปัญหาครอบคลุมทั้งด้านอารมณ์ พฤติกรรมเกเร ซนอยู่ไม่นิ่ง สัมพันธภาพกับเพื่อน และทักษะสังคมด้านดีของเด็ก ขั้นตอนการใช้แอพฯ ดังกล่าว หากผลการตรวจคัดกรองพบว่าเด็กนักเรียนมีปัญหา ครูหรือผู้ปกครองที่ผ่านการฝึกอบรมทักษะการปรับพฤติกรรมเด็กวัยเรียนตามโปรแกรมที่กรมสุขภาพจิตพัฒนาขึ้น จะดำเนินการปรับพฤติกรรมเด็กเป็นเวลา 3 เดือน จากนั้นจึงจะใช้แอพพลิเคชั่นติดตามประเมินผลความเปลี่ยนแปลงของเด็กร่วมกันระหว่างครู หมอ พ่อแม่ และมีระบบการปรึกษาออนไลน์ (online counseling) จากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่นั้นๆได้ตลอดเวลา
แพทย์หญิงดุษฎีกล่าวต่อไปว่า แอพพลิเคชั่นฮีโร่ สามารถใช้ได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ผลดีของแอพฯนี้ จะเป็นการค้นหาเด็กที่มีความผิดปกติแต่ยังไม่ถึงขั้นป่วย ให้ได้รับการดูแลตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ให้กลายเป็นผู้ป่วยในช่วงวัยรุ่น ส่วนเด็กที่ป่วยก็จะได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องและอยู่ในระบบการศึกษาที่เหมาะสม ขณะนี้สถาบันฯ ได้เริ่มจัดอบรมการให้คำปรึกษาผ่านแอพฯ แก่บุคลากรสาธารณสุขบางส่วนแล้ว สำหรับครูและผู้ปกครองที่ต้องการใช้แอพพลิเคชั่นนี้ ควรเข้าอบรมการปรับพฤติกรรมเด็กวัยเรียนก่อน จากนั้นจึงจะได้รับusername และ password ในการใช้แอพฯ โดยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่กลุ่มภารกิจสนับสนุนและพัฒนาเครือข่ายบริการ สถาบันพัฒนาการเด็กภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ เบอร์โทรศัพท์ 053 908 300 ต่อ 73140 หรือส่งจดหมายอิเลคทรอนิคthaiherodmh@gmail.com
ข่าวเด่น