กรมสุขภาพจิตเผยความคืบหน้าผลเยียวยาจิตใจครอบครัวและญาติทีมนักบอล 13 รายที่พลัดหลงในถ้ำหลวง-ขุนน้ำ นางนอน จ.เชียงราย พบมีความเครียด ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ โดยมี 3 ราย เครียดระดับรุนแรง อยู่ในความดูแลของทีมจิตแพทย์ใกล้ชิดแล้ว พร้อมเป็นห่วงทีมค้นหา อาจเกิดความเหนื่อยล้า เครียดสะสมจากการทำงานแข่งกับเวลา และวอนสื่อมวลชนเลี่ยงสัมภาษณ์ญาติที่เป็นผู้หญิง วัยรุ่นและเด็ก หากจำเป็นให้เลี่ยงใช้คำถามที่ก่อความกลัว ความวิตกกังวล
.jpg)
นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ การช่วยเหลือครอบครัวและญาติ ของทีมนักฟุตบอลหมูป่าพร้อมโค้ช รวม 13 คน ที่พลัดหลงอยู่ในถ้ำหลวง เขตวนอุทยาน ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน2561 เป็นต้นมา และอยู่ระหว่างการเร่งค้นหาของทีมเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่องว่า ทีมสุขภาพจิตเอ็มแคทจากศูนย์สุขภาพจิตที่ 1 ,โรงพยาบาลสวนปรุง และทีมเครือข่ายสุขภาพจิตจังหวัดเชียงราย ได้ประเมินสุขภาพจิตของผู้ปกครองเด็กที่มารอ ณ.จุดรวมญาติใกล้ปากถ้ำ และได้ให้คำปรึกษาญาติจำนวน 13 ครอบครัว พบว่ามีความเครียดมีอาการปวดศีรษะ มีไข้ ตัวร้อน และนอนไม่หลับ ได้ให้ยารักษาเบื้องต้นแล้ว โดยมี 3 ราย ที่มีความเครียดในระดับรุนแรงอยู่ในความดูแลของทีมจิตแพทย์ใกล้ชิดแล้ว ทีมงานได้วางแผนดูแลจัดทีมเฝ้าระวังในพื้นที่ อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง
.jpg)
อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทั้งภาครัฐและเอกชนได้ระดมพลกำลังเข้าไปช่วยเหลือค้นหาผู้พลัดหลงทั้ง 13 คนอย่างเต็มที่ มีความเป็นห่วงสุขภาพจิตของทีมค้นหา เนื่องจากต้องทำงานภายใต้ความกดดัน แข่งกับเวลาและมีความเสี่ยงภัย อาจเกิดความเหนื่อยล้าและเครียดสะสมได้ จึงขอแนะนำให้ทีมค้นหาเป็นกำลังใจซึ่งกันและกันในเบื้องต้น ขณะเดียวกันควรสับเปลี่ยนกำลัง เพื่อลดความล้าทางกายที่ส่งผลทางจิตใจ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ หากรู้สึกว่าตัวเองไม่ไหว ขอให้นั่งพักหรือคุยกับหัวหน้าทีมหรือผู้บังคับบัญชาเพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งไม่ใช่เป็นการยอมแพ้หรือไม่เอาไหน แต่เป็นการทำให้พลัง การทำงานดีขึ้นโดยสามารถปรึกษาคลายเครียดที่หน่วยแพทย์บริเวณหน้าถ้ำ

ทางด้านนายแพทย์ธรณินทร์ กองสุข ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสวนปรุง จ.เชียงใหม่ จากการสังเกตของทีมสุขภาพจิต ที่ลงพื้นที่พบว่าทีมช่วยเหลือยังมีพลังกายและใจดี กระตือรือร้น มีความหวัง ไม่ท้อถอย แต่ปัญหาที่พบและน่าเป็นห่วงคือ ทีมสื่อมวลชนจากหลายสำนักที่เข้าไปสัมภาษณ์ซักถามญาติของผู้พลัดหลงอยู่ตลอด หากเป็นไปได้ขอให้เลี่ยงการสัมภาษณ์ ญาติที่เป็นผู้หญิง วัยรุ่นและเด็ก ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีจิตใจเปราะบาง เกิดความเครียดได้ง่าย โดยหากมีความจำเป็นก็ขอให้ใช้ท่าทีที่นุ่มนวล หลีกเลี่ยงการใช้คำถามที่ก่อความกลัว ความวิตกกังวล



เนื่องจากอาจไปกระตุ้นทำให้ญาติเกิดภาวะที่เรียกว่า ไฮเปอร์ เวนติเลชั่นซินโดรม คือภาวะหายใจเร็วผิดปกติจากความเครียด เกิดอาการมืดหน้า เป็นลมได้ ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นเป็นปฏิกริยาของร่างกายต่อความเครียดที่ฉับพลันรุนแรง อาการดังกล่าวต้องได้รีบการดูแลรักษาโดยเร็ว แม้ว่าจะไม่มีอันตรายถึงชีวิตก็ตาม สิ่งที่กระตุ้นให้เกิด ไฮเปอร์เวนติเลชั่นซินโดรม ได้แก่ ความทุกข์ทรมานใจ ภาวะเครียด ดื่มกาแฟมากเกินไป หรืออยู่ในที่ที่มีผู้คนจำนวนมากแออัด เป็นต้น
ข่าวเด่น