ยังคงแข่งขันกันอย่างดุเดือดสำหรับธุรกิจร้านความงามในประเทศไทย เห็นได้จากผู้ประกอบการรายใหม่ที่ตบเท้ากันเข้ามาร่วมชิงแชร์ตลาดความงาม ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึง 1.78 แสนล้านบาท ในมูลค่าดังกล่าวเป็นตลาดเมคอัพประมาณ 14% หรือประมาณ 2.27 หมื่นล้านบาท

จากมูลค่าตลาดความงามที่มีมูลค่ามหาศาล และมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยที่ปีละประมาณ 7-8% ส่งผลให้ผู้ประกอบการายเล็กเล็งเห็นโอกาสลุยพัฒนาสินค้าแบรนด์ของตัวเองเข้ามาทำตลาดมากขึ้น ซึ่งจากการแข่งขันที่รุนแรงดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ต้องออกมาปรับกลยุทธ์ ด้วยการออกมาสร้างแบรนด์ พัฒนาสินค้าใหม่ และทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง
เช่นเดียวกับ บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด(หมาชน) ที่ออกมาประกาศปรับกลยุทธ์การทำตลาดร้านธุรกิจความงามทั้ง 3 แบรนด์ จากเดิมเน้นกลยุทธ์ “วาไรตี้” เป็นกลยุทธ์ “บูทีค” เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่มมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากเดิมค่อนข้างมาก จึงทำให้ต้องปรับกลยุทธ์การทำตลาด เพื่อให้สินค้าที่นำเข้ามาทำตลาดเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
.jpg)
นายพีระพงษ์ กิติเวชโภคาวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นอกจากจะปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์สินค้าในเครือเป็นบูทีค เพราะเจาะลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้นแล้ว บริษัทยังมีแผนที่จะปรับกลยุทธ์การทำตลาดแบบโอทูโอ(Offline to Online)มากขึ้น เพื่อเชื่อมต่อการทำตลาดระหว่างออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน ครอบคลุมการทำตลาดทั้งในรูปแบบ B2B และ B2C
จากแนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าว ทำให้การลงทุนขยายธุรกิจนับจากนี้จะให้ความสำคัญกับการทำตลาดอีคอมเมิร์ซมากขึ้น ด้วยการเตรียมจับมือพันธมิตรทางด้านมาร์เก็ตเพลซเพิ่มอีก 3 รายใหญ่ จากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว 5 ราย คือ เจดีดอทคอม, วีไอพี ช็อป ดอทคอม, ทีมอลล์, เขาหล่า และยุ่นจี เพื่อขยายฐานลูกค้าไปในตลาดต่างประเทศแบบ ครอสบอร์เดอร์ ซึ่งตลาดต่างประเทศที่บริษัท บิวตี้ฯ ให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือ จีน เนื่องจากที่ผ่านมาคนจีนให้ความสนใจแบรนด์สินค้า
นายพีระพงษ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาบริษัททำการตลาดแบบกวาดกลุ่มลูกค้ามาโดยตลอด ส่งผลให้กลุ่มเป้าหมายไม่มีความชัดเจน แต่นับจากนี้ไปบริษัทจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดแบบเฉพาะเจาะจงลูกค้ามากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะเดินหน้าขยายสาขาร้านความงามในเครือทั้ง 3 แบรนด์ คือ ร้านบิวตี้ บุฟเฟ่ต์ ร้านบิวตี้ คอทเทจ และร้านบิวตี้มาร์เก็ต รวม 20 สาขาในปีนี้ ภายใต้งบลงทุนสาขาละ 2 ล้านบาท
ปัจจุบันร้านบิวตี้ บุฟเฟ่ต์ มีจำนวนสาขาเปิดให้บริการประมาณ 264 สาขา ร้านบิวตี้ คอทเทจ มีจำนวนสาขาเปิดให้บริการอยู่ที่ประมาณ 80 สาขา และร้านบิวตี้มาร์เก็ตมีจำนวนร้านเปิดให้บริการประมาณ 9 สาขา ส่วนร้านบิวตี้ พลาซ่า จะไม่มีการเปิดสาขาเพิ่ม เนื่องจากเป็นชื่อร้านที่ใช้ทำตลาดในช่องทางอีคอมเมิร์ซ
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มร้านบิวตี้ คอทเทจ เข้ามาทำตลาดอีก 1 เซ็ต รวม 14 รายการ ภายใต้ชื่อ “Beauty Cottage LUXURY Series” – Make Up till you drop เพื่อให้ผู้หญิงเปล่งประกายความสวย ด้วยศิลปะแห่งความงาม ด้วยแรงบันดาลใจ และแนวคิดความงามจากยุคแกสบี้ ที่เป็นยุคของคนรุ่นใหม่
สำหรับ Beauty Cottage LUXURY ประกอบด้วย 1.BEAUTY COTTAGE LUXURY PERFECTING POWDER FOUNDATION แป้งผสมรองพื้น #สวยชัดระดับ4K สูตร Full Coverage ด้วยเทคนิค Jellification ช่วยเนรมิตผิวให้เนียนสวยไร้ที่ติ 3 เฉดสี 2. BEAUTY COTTAGE LUXURY SETTING LOOSE POWDER แป้งฝุ่นเนื้อเนียน บางเบา เกลี่ยง่าย กระจายตัวกลมกลืนกับสีผิว ด้วย 3 เฉดสี สูตรกันน้ำและเหงื่อ เนื้อแป้งติดทนทาน ผิวหน้าดูนวลเนียนสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ อ่อนโยนต่อผิว
3. BEAUTY COTTAGE LUXURY MATTE BRONZER POWDER บรอนเซอร์ เนื้อเนียนละเอียด เกลี่ยง่าย ไม่มีส่วนผสมของพาราเบน ให้สีสันคมชัด ติดทนยาวนาน เพิ่มมิติและสร้างกรอบให้ใบหน้า ปรับโครงหน้าให้เรียวสวยคม ได้รูปอย่างสมบูรณ์แบบ 4. BEAUTY COTTAGE LUXURY GLOW HIGHLIGHTING POWDER ไฮไลท์อัดแข็ง เนื้อชิมเมอร์ อนุภาคเล็กละเอียด ปรับผิวให้กระจ่างใส ช่วยให้ผิวเปล่งประกายดูมีมิติ เหมาะสำหรับทุกสีผิว เนื้อเนียนละเอียดและอ่อนโยน เพราะไม่มีส่วนผสมของพาราเบน และน้ำหอม
5. BEAUTY COTTAGE LUXURY VELVET MATTE LIPSTICK ลิปสติกกำมะหยี่ #สวยง่ายแค่คลิก ลิปแห่งความใฝ่ฝัน มอบเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่มบางเบา ดุจกำมะหยี่ เฉดสีสดเข้มคมชัด ปกปิดเป็นเยี่ยม 5 เฉดสี เนื้อลิปสติกติดทน ผสานคุณค่าจากน้ำมันธรรมชาติ 3 ชนิด 6. BEAUTY COTTAGE LUXURY EYESHADOW PALETTE พาเลทอายชาโดว์เนื้อแมทและชิมเมอร์ มี 4 สีใน 1 ตลับ อณูเม็ดสีละเอียด สีติดแน่นชัด ติดทนยาวนาน และ 7. BEAUTY COTTAGE LUXURY CHEEK COLOR บลัชออนสีสวยสูตรพิเศษเนื้อแมท เนียนนุ่ม เม็ดสีชัด น่าหลงใหล สูตรกันน้ำ ติดทนนาน ปราศจากน้ำหอม มี 3 สีใน 1 ตลับ สามารถปัดสีเดียวหรือปัดรวมกันทั้ง 3 สี เพื่อสีสันที่แตกต่างให้พวงแก้ม ช่วยให้ผิวแลดูสุขภาพดี”

หลังจากออกมาเดินหน้าขยายสาขา และขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง บริษัท บิวตี้ฯ มั่นใจว่าสิ้นปี 2561 นี้ จะมีรายได้จากการทำธุรกิจไม่ต่ำกว่า 4,290 ล้านบาท เติบโตจากปี 2560 ที่ประมาณ 15-16% หรือมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 3,700 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากแบรนด์บิวตี้บุฟเฟ่ต์ 50% ,บิวตี้คอทเทจ 10% ,บิวตี้มาร์เก็ต 1%,ต่างประเทศ 16% และอื่นๆ เช่น อีคอมเมิร์ซ และคอนซูเมอร์โปรดักต์ที่ใช้แบรนด์
นอกจากนี้ บริษัท บิวตี้ฯ ยังมีความหวังว่าในอีก 2 ปีนับจากนี้ หรือประมาณปี 2563 จะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 7,000 ล้านบาท และปี 2565 จะมีรายได้แจะที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวบริษัท บิวตี้ฯ มั่นใจว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากการขายสินค้าในต่างประเทศที่ประมาณ 50% และรายได้จากการทำตลาดในประเทศประมาณ 50% จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 30% และในประเทศที่ประมาณ 70% ส่วนจะทำได้ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่นั้นคงต้องรอดูภาพรวมทางด้านเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคควบคุมไปด้วย โดยเฉพาะพฤติกรรมของผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ข่าวเด่น