สำหรับล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ แบงก์ชาติ ได้ออกมาเปิดเผยถึงหลักเกณฑ์คุมสินเชื่อทะเบียนรถเบื้องต้นกันแล้ว ถือว่าเป็นการปลดล็อคความกังวลเรื่องนี้ ที่มีต่อหุ้นในกลุ่มเช่าซื้อ ซึ่งในรายละเอียดหลักๆ ที่แบงก์ชาติออกมา ได้แก่ 

1. ผู้ประกอบการสินเชื่อทะเบียนรถ ต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท จึงจะปล่อยสินเชื่อข้ามจังหวัดได้  

2.กำหนดเพดานดอกเบี้ยที่ 28% รวมค่าปรับ ค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายต่างๆ ยกเว้นค่าทวงถามหนี้ที่สามารถคิดได้ตามจริง 

3.การอนุมัติวงเงินสินเชื่อไม่กำหนด ขึ้นอยู่กับมูลค่าหลักประกัน  

4.ห้ามคิดค่าธรรมเนียม prepayment fee และหากลูกค้านำเงินมาชำระหนี้ก่อนกำหนด ต้องคืนส่วนต่างจากการขายหลักประกันที่ได้เกินมูลค่า 

และ 5.กรณีผิดนัดชำระหนี้ ให้คำนวณจากเงินต้นคงเหลือเท่านั้น

ซึ่งก่อนหน้านี้ มีความไม่ชัดเจนเรื่องหลักเกณฑ์คุมสินเชื่อทะเบียนรถ สร้างความกังวลต่อรายได้และดอกเบี้ยรับของบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD และ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ของกลุ่มเช่าซื้อ แต่เมื่อมีความชัดเจนแล้ว ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP เชื่อว่า ช่วยลดความกังวลไปได้มาก

ดังนั้น ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส จึงประเมินว่า ตามเกณฑ์ใหม่ คิดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ รวมค่าธรรมเนียม ไม่เกิน 28% ขณะที่ในปัจจุบันดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อของ ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น เฉลี่ยที่ 22% รวมค่าธรรมเนียมอีก 4% เท่ากับ 26% จึงไม่ได้เกินเพดานที่หลักเกณฑ์ใหม่กำหนด

ส่วน เมืองไทย แคปปิตอล ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อเฉลี่ย 23% รวมกับค่าธรรมเนียมอีก 1% เท่ากับ 24% dHไม่เกินเพดานที่หลักเกณฑ์ใหม่กำหนดเช่นกัน นอกจากนี้ การทำสัญญาเงินให้สินเชื่อกับลูกค้าของ เมืองไทย แคปปิตอล ไม่จำเป็นต้องเป็นรูปแบบ 2 สัญญาอีกต่อไป

ประเมินแล้ว ทั้ง เมืองไทย แคปปิตอล และศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จะได้ประโยชน์จากต้นทุนดำเนินงานที่ลดลงไปได้ระดับหนึ่ง โดยฝ่ายวิจัยฯ เชื่อว่าทั้ง 2 บริษัท ไม่น่าจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อขึ้นไปชนเพดาน ตามเกณฑ์ใหม่ เพื่อรักษาฐานลูกค้าไว้

แต่อาจไปปรับเพิ่มดอกเบี้ยในอนาคต เช่นเมื่อเข้าสู่ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อต้นทุนดอกเบี้ยจ่าย ดังนั้นผลกระทบต่อประมาณการผลการดำเนินงานปี 2561-62 ของ ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น และ เมืองไทย แคปปิตอล จึงไม่ได้เปลี่ยนแปลง หากหลักเกณฑ์ควบคุมสินเชื่อทะเบียนรถเป็นไปตามที่แบงก์ชาติเปิดเผย

ดังนั้น ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส จึงปรับไปใช้มูลค่าพื้นฐานปี 2562 โดยหุ้น ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น อยู่ที่ 55 บาท จากปี 2561 ที่ 45 บาท ส่วน  เมืองไทย แคปปิตอล มูลค่าพื้นฐานปี 2562  อยู่ที่ 56 บาท จากปี 2561 ที่ 42 บาท จึงปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ทั้ง ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น และ เมืองไทย แคปปิตอล จากเดิม switch