แบงก์-นอนแบงก์
"กรุงศรี ออโต้" ชู "5 ดิจิทัลอินไซต์ ชนะใจลูกค้ายุคการตลาด 5.0" สร้างประสบการณ์ไร้รอยต่อ


กรุงศรี ออโต้ ชู “5 ดิจิทัลอินไซต์ ชนะใจลูกค้ายุคการตลาด 5.0” พร้อมใช้สื่อและแพลตฟอร์มหลากหลาย สร้างสรรค์โซลูชั่นเฉพาะเจาะจง ตอบสนองพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไปได้ทันเวลา สะดวก รวดเร็ว ง่ายๆ ชิลๆ ผ่านช่องทางทั้งออฟไลน์-ออนไลน์ สร้างประสบการณ์ไร้รอยต่อและสร้างความประทับใจ เหตุลูกค้ายุคนี้  ไม่อดทน-มีหลายร่าง "ไพโรจน์” ระบุ ยุค 5.0 ต้องจับลูกค้าให้เร็ว ตอบสนองความต้องการให้ทัน พร้อมทุ่มลงระบบเทคโนโลยีใหม่ๆ เปลี่ยนให้ทันการณ์



 
 
 
โลกการตลาดในยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมาก และการตลาดในปี 2562 จะไม่ใช่การตลาดในยุค 4.0 (โทรศัพท์มือถือและโซเชียลมีเดีย) อีกต่อไป แต่จะก้าวไปสู่ยุค 5.0 ซึ่งเป็นยุคของการใช้สื่อและแพลตฟอร์มหลากหลาย ทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ (Omni-Channel) เพื่อสร้างประสบการณ์ไร้รอยต่อ (Customer Experience) ที่จะต้องทำให้ความสนใจของผู้บริโภคไปอยู่ที่สินค้าของเรามากที่สุด

“ความรวดเร็วและมีคุณภาพ” คือ สิ่งที่ผู้บริโภคในยุค 5.0 ต้องการ  

โจทย์ดังกล่าวนี้ จึงเป็นความท้าทายของเหล่าผู้ประกอบการที่จะต้องปรับตัวและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปให้ได้

ดังนั้น แน่นนอน การตลาด ยุค 5.0 จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย ที่จะไม่ใช่เฉพาะการเข้าใจผู้บริโภคเท่านั้น แต่ต้องมอบสิ่งที่ดีที่สุด โดยเฉพาะในเรื่อง “ความสะดวกสบาย” ง่ายๆ  ชิลๆ ประหยัดเวลา ที่ลูกค้ามองหาเป็นอันดับแรก ฉะนั้น Marketing  5.0 “ลูกค้า คือ สิ่งที่สำคัญที่สุด”

แต่คำถามต่อมาว่า แล้วผู้ประกอบการจะทำอย่างไรที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้าอย่างแท้จริง  เข้าใจและรู้จักพฤติกรรมลูกค้าตัวจริง พร้อมมอบการสร้างสรรค์ในสินค้าที่จัดหนัก-จัดเต็ม เพื่อสร้างความรู้สึกประทับใจและมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในการใช้บริการ เพราะประสบการณ์ที่ดีจะเอาชนะการแข่งขันด้านราคา และช่วยให้แบรนด์มีความแตกต่างที่เหนือชั้นกว่าคู่แข่งในตลาด และสามารถตอบโจทย์ได้ว่า “ทำไมลูกค้าจะต้องมาซื้อสินค้าและบริการจากเรา และสินค้าของเราแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดอย่างไร” หากตอบโจทย์นี้ได้ นั่นก็หมายถึง ความคุ้มค่าที่ลูกค้ามองและจะกลับมาซื้อสินค้าและบริการของเราซ้ำในครั้งต่อๆ ไป ไม่ใช่ซื้อครั้งเดียวและหายไปเลย ไม่มีความประทับใจ ไม่มีประสบการณ์ที่ดี

ความท้าทายดังกล่าวในยุคการตลาด 5.0 เป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจจะต้องประสบพบเจอ ไม่เว้นแม้แต่ในธุรกิจสินชื่อยานยนต์ ที่แต่ละแบรนด์ต่างต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาด จากที่เคยเน้นสื่อสารกับคนจำนวนมาก หรือชูจุดขายเรื่องอัตราดอกเบี้ย มาสู่การสร้างสรรค์โซลูชั่นที่เฉพาะเจาะจงโดยคำนึงถึงประสบการณ์ของลูกค้าอย่างแท้จริง

 
 
 
 
 
ต่อประเด็นดังกล่าวนี้ "นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ" ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง “5 ดิจิทัลอินไซต์ ชนะใจลูกค้ายุคการตลาด 5.0” ที่จะเป็น “โรดแมป” และเป็น “กลยุทธ์” ที่จะเดินต่อไปในอนาคต พร้อมกับการวางระบบเทคโนโลยีใหม่ๆ มาจับไลฟ์สไตล์พฤติกรรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป พร้อมตอบสนองความต้องการที่รวดเร็ว สะดวก ง่าย ผ่านการผสานหลากสื่อ เพื่อสร้างความประทับใจและสร้างประสบการณ์ไร้รอยต่อที่ดีให้กับลูกค้า และกลับมาใช้หรือนึกถึงธนาคารในทุกครั้งที่ต้องการใช้บริการสินเชื่อยานยนต์

นายไพโรจน์กล่าวว่า “5 อินไซต์ของคนซื้อรถ ที่จะเป็นหัวใจในการมัดใจลูกค้า และเป็นเทรนด์การตลาดสินเชื่อยานยนต์ที่น่าจับตา”  

 1. ฉันมีภาพลักษณ์

ด้วยราคาหลักแสนไปจนถึงหลักล้าน หลายคนจึงมองว่าการตัดสินใจซื้อรถยนต์สักหนึ่งคัน ผู้บริโภคต้องใช้เหตุผลเป็นหลัก และอาจลืมไปว่ารถส่วนตัวไม่ได้เป็นแค่ยานพาหนะที่ช่วยให้เดินทางสะดวกสบายขึ้นเท่านั้น แต่ดีไซน์และรูปแบบของรถยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ และสะท้อนตัวตนของผู้ขับขี่ได้ด้วย เช่นดียวกัน ผู้ใช้บริการสินเชื่อยานยนต์ก็ไม่ได้มองหาแค่แผนการผ่อนชำระที่ตอบโจทย์เท่านั้น แต่ยังมองหาบริการที่ช่วยลดความกังวล และเสริมความมั่นใจว่า สามารถครอบครองรถในฝันที่เข้ากับภาพลักษณ์ของตนเองได้

2. ฉันเลือกเอง

ยุคการตลาด 5.0 ถือเป็นยุคที่ผู้บริโภคมีอำนาจในการตัดสินใจมากขึ้นอย่างชัดเจน เพราะพวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลมากมายได้ทุกที่ทุกเวลา และหลายครั้งก็ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าก่อนจะได้เห็นของจริงด้วยซ้ำ จากการสำรวจของ Bain & Company พบว่า ผู้บริโภคกว่า 60% หาข้อมูลเกี่ยวกับรถบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และตัดสินใจเลือกแบรนด์ รุ่น ราคาก่อนแวะไปโชว์รูม และแน่นอนว่า พวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะเลือกผลิตภัณฑ์สินเชื่อยานยนต์ก่อนด้วยเช่นกัน ดังนั้น บริการด้านสินเชื่อยานยนต์จึงต้องเข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์ดิจิทัลของลูกค้า รวมถึงให้คำแนะนำที่เหมาะสมและให้ลูกค้าได้เลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุดด้วยตนเอง

 
3. ฉันจะไม่ทน

ในยุคที่สมาธิของผู้บริโภคลดเหลือเพียง 8.25 วินาที ระยะเวลาในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าต่างๆ จึงยิ่งหดสั้นลงตามไปด้วย ด้วยเหตุนี้ การเน้นให้ข้อมูลดอกเบี้ยและแผนการผ่อนชำระหลังลูกค้าตัดสินใจซื้อรถแล้วจึงอาจไม่เพียงพอ และเสี่ยงต่อการที่ลูกค้าจะเปลี่ยนใจไปเลือกแบรนด์อื่นได้ หากจะมัดใจลูกค้าในยุคการตลาด 5.0 ผู้ให้บริการสินเชื่อยานยนต์ต้องสร้างความผูกพันกับผู้บริโภคตั้งแต่ก่อนเริ่มกระบวนการซื้อรถ รวมถึงสร้างการจดจำ เพื่อให้พวกเขานึกถึงแบรนด์ทุกครั้งที่กำลังมองหารถคันใหม่

4. ฉันมีหลายร่าง

ด้วยโอกาสทางธุรกิจที่เปิดกว้างและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ผู้บริโภคในยุคการตลาด 5.0 จึงมีโจทย์ในชีวิตได้มากกว่าหนึ่ง นั่นหมายความว่าเกณฑ์การแบ่งกลุ่มลูกค้าแบบเดิมอาจไม่สามารถเข้าถึงตัวตนแท้จริงของลูกค้าได้อีกต่อไป สาวออฟฟิศอาจไม่ได้ต้องการใช้สินเชื่อเพื่อคนมีรถเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในชีวิตประจำวันเสมอไป แต่อาจกำลังมองหาเงินทุนเพื่อขยายกิจการส่วนตัว ดังนั้น คำถามสำคัญที่ผู้ให้บริการสินเชื่อยานยนต์ต้องตอบให้ได้ก็คือ จะหาข้อมูลจากแหล่งใดเพื่อรู้จักลูกค้าให้ชัด และจะนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้อย่างไร เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบรับกับมิติการใช้ชีวิตที่หลากหลายขึ้นได้

5. ไม่ว่าทางไหน ฉันต้องได้มา

แม้ผู้บริโภคในยุคการตลาด 5.0 จะเสพข้อมูลข่าวสารผ่านโซเชียลมีเดียเป็นหลัก แต่ช่องทางออฟไลน์ยังมีความจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประสบการณ์การซื้อรถ ลูกค้าอาจเริ่มจากการหาข้อมูล อ่านรีวิว เปรียบเทียบราคา และหาข้อมูลสินเชื่อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ แต่พวกเขาก็ยังคงต้องเดินเข้าโชว์รูมเพื่อทดลองขับ และพูดคุยกับที่ปรึกษาทางการเงินก่อนยื่นเอกสาร ผู้ให้บริการสินเชื่อยานยนต์จึงต้องมีบริการครอบคลุมทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ รวมทั้งเชื่อมข้อมูลระหว่างกัน เพื่อให้สามารถมอบประสบการณ์ไร้รอยต่อให้กับลูกค้าได้อย่างแท้จริง

 
 
 
 
นายไพโรจน์ กล่าวว่า  กรุงศรี ออโต้ ให้ความสำคัญกับการเข้าถึงอินไซต์ผู้บริโภค และพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุดอยู่เสมอ ในปี 2561 ที่ผ่านมา เราได้นำเสนอบริการใหม่ๆ ออกสู่ตลาดมากมาย โดยล่าสุด นวัตกรรมสินเชื่อยานยนต์ดิจิทัล ‘กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท’ ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีเกินคาด ด้วยยอดผู้เข้าชมถึง 304,000 คน และยอดประเมินวงเงินสินเชื่อรวม 483.39 ล้านบาท ภายใน 1 เดือนที่เปิดให้บริการเท่านั้น

“โดยผลตอบรับจากตัวแทนจำหน่ายฯ ได้กล่าวถึงสินเชื่อ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท ว่า เป็นเครื่องมือที่ดีและเหมาะสมกับพนักงานขายมาก ช่วยปิดการขายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะทราบความสามารถของลูกค้าได้ตั้งแต่ต้น และเป็นการเพิ่มช่องทางการขายให้แก่ตัวแทนจำหน่ายฯ และหากอนาคตสามารถอนุมัติทันทียิ่งสามารถสร้างยอดขายได้มากขึ้น ขณะที่ผลตอบรับจากลูกค้าระบุว่า ง่าย สะดวก สามารถทำด้วยตัวเองได้ เอกสารไม่ยุ่งยาก รู้ผลเลย เจ้าหน้าที่ให้บริการดี พูดจาดี ติดตามผลตรงต่อเวลา”นายไพโรจน์กล่าว

 
 
 
 
 
นายไพโรจน์กล่าวว่า กรุงศรี ออโต้ คาดการณ์ว่าตลาดสินเชื่อยานยนต์ในปี 2561 จะเติบโตเกินกว่าเป้าหมาย โดยมีมูลค่ารวม 624,000 ล้านบาท หรือขยายตัว 12% ซึ่งมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ที่ทะลุหลักล้านอยู่ที่ 1,020,000 คัน หรือเติบโตถึง 17% จากปีก่อนหน้า และรถมอเตอร์ไซค์และบิ๊กไบค์ 1,780,000 คัน หรือเติบโต 2% จากปีก่อนหน้า และรถยนต์มือสอง 1,470,000 คัน หรือเติบโต 5% โดยเป้าหมายการเติบโตปี 2561 ของกรุงศรี ออโต้ มียอดสินเชื่อคงค้าง 378,000 ล้านบาท หรือเติบโต 17% เป็นยอดสินเชื่อใหม่ 198,600 ล้านบาท หรือเติบโต 20% โดยในงาน Motor Expo ที่ผ่านมา มียอดสินเชื่อใหม่จากในงาน  1,125 ล้านบาท ขณะที่ช่องทางออนไลน์ มีเป้าหมายยอดสินเชื่อใหม่ผ่านช่องทางนี้ในปี 2561 ไม่ต่ำกว่า 1,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่ทำได้ 1,300 ล้านบาท ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ตั้งเป้าไม่ให้เกิน 2% โดยปัจจุบันมีฐานลูกค้าทั้งสิ้น 1.5 ล้านราย แบ่งสัดส่วนยอดสินเชื่อคงค้าง เป็นสินเชื่อรถยนต์ใหม่ 43% และผลิตภัณฑ์อื่นๆ 57% อย่างไรก็ตาม มองว่า แนวโน้มยอดขายรถยนต์ใหม่ปี 2562 น่าจะทรงตัว หรือเติบโตประมาณ 4 – 5%

นายไพโรจน์ยังกล่าววถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อยานยนต์ในปี 2562 ว่า อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นแน่นอน จากปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นเฉลี่ย ของ กรุงศรี ออโต้ ในส่วนสินเชื่อรถยนต์ใหม่ อยู่ที่ 2.65% ต่อปี และสินเชื่อรถยนต์มือสอง อยู่ที่ 3.75% ต่อปี ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยในตลาด

“เทรนด์ดอกเบี้ยปรับขึ้นแน่ เพราะธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้ส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งหาก ธปท.ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นจากปัจจุบัน 1.50% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ก็ต้องปรับขึ้นตาม รวมทั้งดอกเบี้ยสินเชื่อยานยนต์ด้วย ส่วนจะปรับขึ้นอีกเท่าไรก็ขึ้นอยู่กับ ธปท.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเท่าไร เราก็ต้องปรับขึ้นเท่านั้น เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น”นายไพโรจน์กล่าว

 
นายไพโรจน์กล่าวถึงภาพการแข่งขันของสินเชื่อยานยนต์ในปีหน้าว่า น่าจะมีการแข่งขันที่สูงขึ้นมากเพราะผู้ประกอบการทุกรายก็ต้องพยายามปรับตัวเองให้เข้ากับยุคสมัยและให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป แต่จากนโยบายรถยนต์คันแรกในโครงการประชานิยมสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ได้ครบกำหนดการครอบครองรถในระยะเวลา 5 ปี ไปเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2559 จะเป็นปัจจัยบวกต่อยอดการจำหน่ายรถยนต์ใหม่และสินเชื่อยานยนต์ให้เพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถขายต่อได้และซื้อรถยนต์คันใหม่ ประกอบกับ โครงการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ระยะที่ 2 (Eco Car เฟส 2) ที่แต่ละค่ายรถยนต์จะมีรถยนต์ รูปแบบใหม่ ๆ ออกมาในปีหน้า จะยิ่งช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์และยอดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ให้เพิ่มขึ้นมาก

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 17 ธ.ค. 2561 เวลา : 18:38:02
16-05-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 16, 2025, 3:42 pm