สทนช.ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำเขื่อนลำตะคองช่วงแล้ง ล่าสุดปริมาณน้ำใช้การมากกว่าปีที่แล้วถึง 140 ล้าน ลบ.ม. ภาคเกษตรได้ประโยชน์ปลูกข้าวได้เพิ่มขึ้นกว่า 8 หมื่นไร่ ด้านกรมชลประทานพร้อมเข้มแผนบริหารจัดการน้ำในเขื่อน-เพิ่มแก้มลิงพร้อมรับน้ำฤดูฝนที่จะถึงนี้ป้องผลกระทบน้ำท่วมโคราช

วันนี้ (27 มี.ค. 64) ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและแนวทางการบริหารจัดการน้ำเพื่อรับมือสถานการณ์ภัยแล้งและเตรียมการก่อนเข้าช่วงฤดูฝนปี 2564 ณ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง สำนักงานชลประทานที่ 8 ตำบลคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ว่า พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้สั่งการให้ สทนช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดติดตามสถานการณ์น้ำและการดำเนินงานรองรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำฤดูแล้ง ปี 2563/64 ควบคู่ไปกับการเตรียมมาตรการรับมือในฤดูฝนปี 2564 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนและเกษตรกร โดยเฉพาะจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งปัจจุบันมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว จากการลงทุนก่อสร้างโครงการใหญ่ๆ อาทิ ถนนมอเตอร์เวย์ ถนนวงแหวนเลี่ยงเมือง และรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน แต่พบว่าจังหวัดนครราชสีมักประสบกับปัญหาการขาดแคลนน้ำเป็นประจำ โดยปีที่แล้งหนักสุดเมื่อปี 2562 -2563 ซึ่งหนักสุดในรอบ 50 ปี และน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคของคนเมืองโคราชกลับมีอยู่เพียงแหล่งเดียวเท่านั้น คือ อ่างเก็บน้ำลำตะคอง ซึ่งแผนระยะยาวมีโครงการศึกษาความเหมาะสมและวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเขื่อนลำตะคองขึ้น เพื่อผันน้ำจากลุ่มน้ำข้างเคียง (ลุ่มน้ำป่าสัก) รองรับการใช้น้ำใน 18 ปีข้างหน้า ซึ่งคาดว่าจะมีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นเป็น 367 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/ปี ซึ่งโครงการดังกล่าว นอกจากแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในลุ่มน้ำลำตะคองได้แล้ว ยังช่วยลดปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำป่าสักได้อีกทางหนึ่งด้วย
ขณะที่การเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาระยะสั้น จากการประชุมติดตามแผนการป้องกันและแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในพื้นที่ของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง มั่นใจได้ว่าช่วงแล้งปีนี้ต่อเนื่องถึงฤดูฝน เขื่อนลำตะคองสามารถบริหารจัดการน้ำได้เป็นไปตามแผน โดยปัจจุบันมีปริมาณน้ำในอ่างฯ ประมาณ 273 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 87% ของความจุ โดยเป็นปริมาณน้ำใช้ได้ประมาณ 250 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่ปีที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำใช้การได้เพียง 110 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 35% เท่านั้น แบ่งเป็น น้ำเพื่ออุปโภค-บริโภค รักษาระบบนิเวศ การเกษตร และอุตสาหกรรม โดยมีการจัดสรรน้ำไปแล้ว 86.57 ล้าน ลบ.ม. จากแผน 183.35 ล้าน ลบ.ม.
“ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำลำตะคองปีนี้มีมาก เป็นผลมาจากปีที่แล้วมีหลายปัจจัยที่ทำให้ปริมาณน้ำเข้าเขื่อนเยอะ อาทิ การเปลี่ยนแปลงของความกดอากาศ 3 ครั้ง และมีพายุที่เข้ามา 4 ลูก ทำให้ปริมาณน้ำไหลลงอ่างทั้งปี’63 รวมเป็นปริมาณ 350 ล้าน ลบ.ม. ส่งผลให้ปีนี้มีการทำนาปรังเต็มพื้นที่รวมจำนวน 8 หมื่นไร่ ซึ่งจะสิ้นสุดการส่งน้ำเพื่อการเกษตรภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ รวมถึงมีปริมาณน้ำสำรองในต้นฤดูฝนช่วงเดือน พ.ค.-ส.ค. อีกไม่น้อยกว่า 100 ล้าน ลบ.ม.” ดร.สมเกียรติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากปริมาณน้ำในเขื่อนล่าสุดที่มีปริมาณน้ำมากกว่า 80% กรมชลประทานได้ดำเนินการทบทวน ปรับปรุงเกณฑ์การบริหารจัดการน้ำในเขื่อนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ซึ่งเป็น 1 ใน 9 มาตรการรับมือฤดูฝนปี’64 เพื่อรองรับปริมาณน้ำลงเขื่อนในช่วงฤดูฝนไว้แล้ว เพื่อป้องกันผลกระทบด้านท้ายเขื่อน โดยมีแผนนำน้ำไปเก็บกักไว้ในแก้มลิงและลำน้ำธรรมชาติครอบคลุมพื้นที่ 3,000ไร่ ประกอบกับเสริมศักยภาพของเขื่อนให้สามารถรองรับเกินได้ 118% คิดเป็นความจุ 373 ล้าน ลบ.ม. สำหรับความต้องการน้ำในช่วงฤดูฝนปี 2564 ระหว่างเดือน พ.ค.- ต.ค. 64 มีความต้องการใช้ประมาณ 128.19 ล้าน ลบ.ม. โดยช่วงเดือนที่ต้องการใช้มากที่สุดคือ ช่วงเดือน ก.ค.- ต.ค. ตามลำดับ.
ข่าวเด่น