การศึกษา-สิ่งแวดล้อม-สาธารณสุข
สทนช.เดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำตามแผนแม่บทน้ำฯ ด้าน 6 สร้างเอกภาพ-ความมั่นคงด้านน้ำอย่างยั่งยืน


สทนช.เดินหน้าขับเคลื่อนการดำเนินการตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ในด้านที่ 6 เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบ สร้างองค์กรในการจัดการน้ำที่มีเอกภาพ เกิดการบูรณาการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงาน ลดความซ้ำซ้อน ตลอดจนสร้างความมั่นคงด้านน้ำให้กับทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืน ตามแผนแม่บทฯน้ำ 20 ปี


 

ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า รัฐบาลโดย พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ได้มอบหมายให้ สทนช.เป็นหน่วยงานหลักขับเคลื่อนการดำเนินการตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561- 2580) ประกอบด้วย ด้านที่ 1 การจัดการน้ำอุปโภคบริโภค ด้านที่ 2 การสร้างความมั่นคงของน้ำภาคการผลิต ด้านที่ 3 การจัดการน้ำท่วมและอุทกภัย ด้านที่ 4 การจัดการคุณภาพน้ำและอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ ด้านที่ 5 การอนุรักษ์ฟื้นฟูสภาพป่าต้นน้ำที่เสื่อมโทรมและป้องกันการพังทลายของดิน และด้านที่ 6 การบริหารจัดการ ซึ่งผลการดำเนินงานจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแผนแม่บทด้านที่ 1-5 ตั้งแต่ปี 2561 ถึงปัจจุบัน พบว่า สามารถเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน สร้างระบบส่งน้ำ ตลอดจนการปรับปรุงโครงการเดิมให้สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพแล้วจำนวน 125,162 โครงการ มีแหล่งเก็บกักน้ำได้เพิ่มขึ้น 1,138 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ประชาชนได้รับประโยชน์กว่า 2.27 ล้านครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2.38 ล้านไร่ เพิ่มประสิทธิภาพระบบประปาหมู่บ้านได้อีก 3,214 หมู่บ้าน พัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรและสร้างธนาคารน้ำใต้ดินได้ปริมาณน้ำมากกว่า 100 ล้าน ลบ.ม. รวมทั้งยังได้ดำเนินการรักษาระบบนิเวศฟื้นฟูป่าต้นน้ำ จำนวน 135,170 ไร่ และดำเนินโครงการเกี่ยวกับการจัดการน้ำท่วม โดยสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำโดยปรับปรุงสิ่งกีดขวางทางน้ำอีก 110 แห่ง ปรับปรุงลำน้ำธรรมชาติ 223 แห่ง และจัดทำระบบป้องกันชุมชนเมือง 3 แห่ง

ทั้งนี้ ในส่วนของผลการดำเนินการตามแผนแม่บทการบริการจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) ในด้านที่ 6 การบริหารจัดการ มีเป้าหมายหลักเพื่อให้มีกฎหมายด้านน้ำ องค์กรในการจัดการน้ำที่มีเอกภาพ ส่งเสริมการศึกษาวิจัยและสร้างความร่วมมือด้านน้ำกับต่างประเทศ รวมถึงกระบวนการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ โดย สทนช.ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ ความก้าวหน้าล่าสุด สทนช.อยู่ระหว่างเร่งจัดทำกฎหมายลำดับรองภายใต้พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 ซึ่งมีทั้งหมด 12 ฉบับ ส่วนหนึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับแล้ว เหลืออีก 5 ฉบับ ที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการเสร็จแล้วทั้งหมดภายในปีนี้ นอกจากนี้ ยังได้จัดทำแผนแม่บทการบริการจัดการทรัพยากรน้ำระดับลุ่มน้ำ แผนปฏิบัติการลุ่มน้ำ พร้อมดำเนินการศึกษาประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) ในพื้นที่ลุ่มน้ำชี ลุ่มน้ำสะแกกรังและลุ่มน้ำภาคใต้ตะวันออก จัดทำผังน้ำ 22 ลุ่มน้ำ ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการศึกษาการจัดทำผังน้ำ 14 ลุ่มน้ำ และที่เหลืออีก 8 ลุ่มน้ำ มีแผนดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2567 รวมทั้งยังได้พัฒนารูปแบบการจัดการคุณภาพน้ำใน 22 ลุ่มน้ำ วางเครือข่ายติดตามสถานการณ์น้ำบาดาล และที่สำคัญยังได้ดำเนินการจัดทำระบบฐานข้อมูลและระบบสนับสนุนการตัดสินใจ ได้แก่ ระบบคาดการณ์คุณภาพน้ำและเตือนภัยวิกฤตคุณภาพน้ำ ซึ่งได้ดำเนินการนำร่องในลุ่มน้ำแม่กลองและลุ่มน้ำป่าสัก พร้อมทั้งติดตั้งเครื่องเรดาห์ตรวจอากาศ

เลขาธิการ สทนช. กล่าวต่อว่า สทนช.ยังได้พัฒนาเว็บไซต์ One Map ซึ่งเป็นคลังข้อมูลน้ำและภูมิอากาศของประเทศ ที่จะแสดงข้อมูลสถานการณ์ของปริมาณฝน ระดับน้ำ ปริมาณน้ำในเขื่อนและแหล่งน้ำสำคัญๆ คุณภาพน้ำ พื้นที่เกิดสาธารณภัย ตลอดจนคาดการณ์พายุ คลื่นในทะเล คาดการณ์ฝน คาดการณ์น้ำหลาก เป็นต้น พร้อมทั้งพัฒนาแอพพลิเคชั่น Thai Water Plan (TWP) ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่บูรณาการแผนงาน/โครงการด้านน้ำของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น เพื่อติดตามความก้าวหน้าแผนงานการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของทั้งประเทศ ประมวลข้อมูลทาง GIS ที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรน้ำต่างๆ สรุปข้อมูลเชิงวิเคราะห์ของกลุ่มแผนงานหรือโครงการในขอบเขตที่สนใจ และเป็นฐานข้อมูลเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารทรัพยากรน้ำ โดยล่าสุดได้เพิ่มการแสดงผลความก้าวหน้าการขับเคลื่อนโครงการสำคัญทั้ง 526 โครงการ ลงในแอพพลิเคชั่นดังกล่าวสำหรับใช้ในการติดตามกำกับการดำเนินงานให้มีความก้าวหน้าต่อเนื่องอย่างเป็นรูปธรรม

“นับตั้งแต่พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 มีผลบังคับใช้ และได้มีการประกาศใช้กฎหมายลำดับรองไปแล้วหลายฉบับ ทำให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศขับเคลื่อนได้อย่างเป็นระบบ เกิดการบูรณาการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงาน ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และท้องถิ่น สามารถลดความซ้ำซ้อนของแผนงาน/โครงการที่ผ่านการพิจารณาตามกลไกของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) คณะกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด คณะกรรมการลุ่มน้ำ และองค์กรผู้ใช้น้ำ ซึ่งเป็นการสะท้อนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน สามารถแก้ไขปัญหาด้านน้ำได้อย่างตรงจุดและสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนตามบริบทของลุ่มน้ำนั้นๆ ได้อย่างแท้จริง อันจะเป็นการสร้างความมั่นคงด้านน้ำให้กับทุกภาคส่วนได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียมและยั่งยืน ตามเป้าประสงค์ของแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี” เลขาธิการ สทนช. กล่าวในตอนท้าย.

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 03 มิ.ย. 2564 เวลา : 10:10:14
20-08-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ August 20, 2025, 7:25 pm