คาด SET มีแนวโน้มอ่อนตัว โดยมีปัจจัยกดดันจากความกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยแรงระดับ 0.75% ในการประชุมเดือนหน้า และความกังวลเศรษฐกิจถดถอยโดยสัปดาห์นี้ ติดตามรายงาน GDP สหรัฐใน 2Q/22 (ประมาณการครั้งที่ 2) ซึ่งมีโอกาสหดตัวมากขึ้นจากประมาณการครั้งแรก ทั้งนี้ SET มีแนวรับถัดไปที่ 1617 และ 1605 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1630 และ 1643 จุด
ประเด็นสำคัญ
FedWatch Tool ระบุ นลท. เพิ่มโอกาสที่ Fed จะขึ้นด.บ. 0.75% ใน ก.ย. เป็น 46.5% ส่วนโอกาสขึ้น ด.บ. 0.50% ลดลงเหลือ 53.3% หลัง จนท. Fed หลายรายหนุนขึ้น ด.บ.แรง
นักเศรษฐศาสตร์คาดคลื่นความร้อนในจีนกระทบ GDP จีนลดลง 1.5% ซึ่งทำให้ประมาณการปีนี้ที่ 4% มีความเสี่ยงโตไม่ถึง 3%
คนงานท่าเรือขนส่ง Felixstowe ในอังกฤษประท้วงหยุดงาน 8 วัน อาจกระทบ supply chain เพราะรองรับตู้คอนเทนเนอร์ถึง 48% ของ ปท.
ญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อโควิดพุ่งสูงสุดนับตั้งแต่ ก.ค. ที่ 2.2 แสนราย/วัน
ศบค.อนุมัติขยายวีซ่า นทท.มีผล 1 ต.ค. หนุนหุ้นท่องเที่ยว-หุ้น ร.พ. ขนาดใหญ่ที่มีฐานผู้ป่วยต่างชาติ นอกจากนี้อนุญาตให้ร้านขายยาจ่ายยารักษาโควิดตามใบสั่งแพทย์ได้ตั้งแต่ 1 ก.ย. คาดเป็นลบต่อหุ้น ร.พ. ขนาดเล็ก ด้านกรมการแพทย์ลดวันกักตัวเหลือ 5 จาก 7 วัน และสังเกตอาการ 5 วัน
กลุ่มเซ็นทรัลร่วมกับซิกน่า เข้าซื้อกิจการ Selfridges ค้าปลีกสัญชาติอังกฤษ มีสาขาห้างสรรพสินค้า 18 แห่ง ใน 3 ประเทศ
สัปดาห์นี้ 25 ส.ค. ติดตามการรายงาน GDP 2Q65 (ครั้งที่ 2) ของสหรัฐ 26 ส.ค. ดัชนี PCE ก.ค. ของสหรัฐ รวมทั้งการประชุมประจำปีที่เมืองแจ๊คสัน โฮล 25-27 ส.ค. เกี่ยวกับมุมมองด.บ.ของ Fed
กลยุทธ์การลงทุน
แม้เงินเฟ้อในภาพใหญ่เริ่มมีสัญญาณเข้าใกล้จุดสูงสุดแล้ว แต่มาพร้อมภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงซึ่งเรามองว่าโมเมนตัมนี้จะเริ่มมากขึ้นต่อเนื่อง และอาจกดดันบรรยากาศลงทุนในช่วงสั้นนี้ กลยุทธ์ลงทุนจึงต้องเน้นเลือกลงทุนมากขึ้น
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : มองตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นสะท้อนการชะลอตัวของเงินเฟ้อไปพอสมควรแล้ว ขณะที่ยังต้องระมัดระวังการถดถอยของเศรษฐกิจ จึงแนะนำ Selective Buy ในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดี และ/หรือ มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้น Big Cap. ที่คาดได้อานิสงส์ Fund Flow ไหลเข้า และ Valuation ยังไม่แพง เลือก KBANK BDMS ADVANC IVL
2) หุ้นที่คาด 3Q65 กำไรเติบโตดีทั้ง YoY และ QoQ เลือก CPALL SCGP CENTEL
3) หุ้นที่ผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มเติบโตดี และมีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในช่วง ส.ค.-ก.ย. เลือก PTT (ยังไม่ประกาศ) SPALI (23 ส.ค.) INTUCH (24 ส.ค.) LH (25 ส.ค.)
ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
1) หุ้นอิเล็กทรอนิกส์อย่าง DELTA, KCE หลังราคาหุ้นปรับขึ้นแรงแล้ว อีกทั้งล่าสุด guidance ของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีชั้นนำของโลกเริ่มเห็นสัญญาณคำสั่งซื้อชะลอตัว
2) หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ กลุ่มปาล์ม (UVAN UPOIC LST) และกลุ่มแป้งสาลี (TMILL TWPC) หลังราคาสินค้าอ้างอิงอยู่ในทิศทางขาลง
3) หุ้นกลุ่มเดินเรือเทกอง อาทิ PSL TTA ซึ่งคาดได้ Sentiment ลบจากการปรับตัวลงต่อเนื่องของดัชนี BDI โดยล่าสุดปรับลง 3.1%DoD สู่ระดับ 1279 จุด ต่ำสุดในรอบ 1 ปี 8 เดือน นับตั้งแต่ 15 ธ.ค. 63
Daily Focus
CPALL โมเมนตัมกำไรยังดี โดย 3Q65 คาดผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้น YoY ปัจจัยหนุนจากธุรกิจ CVS และส่วนแบ่งกำไรจาก MAKRO ที่ดีขึ้นจากฐานต่ำของปีก่อนสืบเนื่องมาจากการล็อกดาวน์ และ synergy จาก MAKRO กับ Lotus’s และเพิ่มขึ้น QoQ จากปัจจัยฤดูกาล
ADVANC 2H65 คาดกำไรปกติดีขึ้นทั้ง HoH และ YoY หลังเห็นการแข่งขันที่ดีขึ้นในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทั้งยังมีการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้คาดได้รับอานิสงส์จาก Fund Flow ไหลเข้า ราคาหุ้นปัจจุบันยัง Laggard SET
ข่าวเด่น