
นับว่าเป็นเรื่องที่ทำเอาเหล่านักลงทุนต่างยกมือกุมขมับกันเป็นแถว เมื่อ "เจอโรม พาวเวล" ประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed ได้มีการส่งสัญญาณว่าจะยังไม่ผ่อนแรงคุมเข้มนโยบายการเงิน และมีความเป็นไปได้ว่า ในเดือนกันยายนนี้จะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่มากกว่าปกติ ผิดจากการคาดการณ์ของนักลงทุนหลายๆ คนที่คิดว่าอาจเห็น Fed ผ่อนแรง เนื่องจากเงินเฟ้อมีแววผ่อนลงแล้ว ทำเอาหุ้นและคริปโตต่างร่วงระนาวรับความตกใจทันที
วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม เวลา 21.00 น. การประชุมประจำปีที่แจ๊กสัน โฮล ของ Fed ได้เริ่มต้นขึ้น โดยเจอโรม พาวเวล ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ และมีการส่งสัญญาณว่า Fed ยังคงเดินหน้าที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และอาจจำเป็นต้องมีการขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในรอบเดือนกันยายนนี้
"แม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงในเดือนกรกฎาคมเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ข้อมูลเพียงเดือนเดียวยังไม่เพียงพอที่จะทำให้คณะกรรมการ Fed เชื่อมั่นว่าเงินเฟ้อได้ปรับตัวลงแล้ว" นายพาวเวลกล่าว
สำหรับค่า CPI หรือดัชนีวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคในรอบเดือนกรกฎาคมล่าสุด (ที่มีผลออกมาเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2022) มีค่าออกมาที่ 8.5% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ และมีทิศทางลงเป็นครั้งแรกตามภาพ ตั้งแต่เกิดสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อมีการไต่ระดับสูงขึ้นมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ของปีเดียวกัน ทำให้บรรยากาศของตลาดลงทุนโดยรวมนั้นกลับมาสดใส ตลาดหุ้นวอลสตรีทพากันดีดตัวขึ้นสูงทันที 2% รับข่าวดี รวมถึงสินทรัพย์อื่นๆ ก็ขยับขึ้นเช่นกัน เพราะตัวเลข 8.5% ที่ปรากฎออกมา เป็น Indicator ที่สะท้อนกลายๆ ว่าเพดานของค่าเงินเฟ้อได้ถูกค้นพบแล้ว ประกอบกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ของ Fed ที่มีการขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% รอบ 2 นับเป็นการขึ้นดอกเบี้ยในระดับเดิม (จากการขึ้น 3 ครั้งก่อนนั้นที่มีการเพิ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ 0.25% - 0.50% - 0.75%) ผิดจากการคาดการณ์ว่าอาจมีการขึ้นไปที่ 1% จากทิศทางการขึ้นของครั้งก่อนๆ 2 ปัจจัยนี้ยิ่งทำให้อารมณ์ของตลาดลงทุนโดยรวมนั้นดูจะเย็นตัวลงมากขึ้น นักลงทุนและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จึงมีการคาดการณ์ว่า Fed อาจผ่อนคลายความตึงเครียดในการควบคุมนโยบายการเงินที่ตึงตัวลง
แต่แล้วสุดท้าย ตามการประกาศของประธาน Fed กลับไม่เป็นเช่นนั้น ด้วยเหตุผลที่จำเป็นจะต้องแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นภารกิจหลักของ Fed ให้อยู่หมัด โดยในตอนนี้การต่อสู้กับเงินเฟ้อยังไม่เสร็จสิ้น จึงจำเป็นต้องเดินหน้านโยบายการเงินที่ตึงตัวต่อไป แม้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจอาจได้รับผลกระทบจากการที่ Fed ยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่การรักษาเสถียรภาพของราคา (ควบคุมเงินเฟ้อ) เป็นพื้นฐานเศรษฐกิจของสหรัฐที่เป็นวาระสำคัญมากกว่า
เท่ากับว่าประธานของ Fed ได้กล่าวเป็นนัยๆ ว่าการต่อสู้กับเงินเฟ้อมีความสำคัญมากไปกว่าการผลักดันให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ยจะมีการปรับเพิ่มสูงขึ้นต่อไป แม้ภาคธุรกิจ และอำนาจการจับจ่ายใช้สอยของผู้คนจะได้รับผลกระทบก็ตามที ทำให้ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับลดลงทันทีมากกว่า 1,000 จุด และราคาของ Bitcoin ก็ลดลงมาทันที 2.73% ใน Time frame 1 ชั่วโมงเวลา 21.00 น.ของวันเดียวกัน และลดลงมารับข่าวร้ายเรื่อยๆ จนทำจุดต่ำสุดแตะที่ระดับราคา 19,800 ดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว
แม้ Fed จะส่งสัญญาณที่น่าหวาดหวั่นนี้มา แต่ก็ยังไม่ใช่สิ่งที่สามารถคอนเฟิร์มได้ 100% ว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนนี้จะรุนแรงตามที่พูดเอาไว้หรือไม่ คงต้องรอดูว่าค่า CPI ที่มีผลในการประกอบการตัดสินใจของ Fed รอบเดือนสิงหาคมที่จะปรากฏออกมาวันที่ 13 กันยายนนี้จะเป็นอย่างไร
ที่มา
-www.binance.com
-https://th.investing.com
ข่าวเด่น