
คาด SET การฟื้นตัวจำกัด โดยมีกรอบบนที่เป็นแนวต้านที่ 1630-1640 จุด เนื่องจากมองว่าตลาดยังเผชิญความไม่แน่นอนเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนนี้ 20-21 ก.ย. ว่าจะขึ้นระดับ 0.75% หรือ 0.50% โดยตัวแปรสำคัญอยู่ที่รายงานเงินเฟ้อสหรัฐสัปดาห์หน้า ทำให้ในช่วงนี้ดัชนียังมีความเสี่ยง และ downside อยู่ ด้านแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1610 และ 1600 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
ทางการเมืองเซินเจิ้นที่เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของจีนสั่งล็อกดาวน์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 กว่า 87 ราย สูงสุดในรอบสัปดาห์
รัสเซียระงับการส่งก๊าซให้ยุโรปผ่านท่อส่ง Nord Stream 1 อย่างไม่มีกำหนด หลังปิดซ่อมบำรุง โดยระบุน้ำมันรั่วไหล สร้างความกังวลยุโรปไม่มีเชื้อเพลิงพอฤดูหนาว
สหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ส.ค. ชะลอตัวจาก ก.ค. ขณะที่ นลท. ลดคาดการณ์ Fed ขึ้น ด.บ. 0.75% ในเดือนนี้เหลือ 62% จาก 74.5%
องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO)ระบุดัชนีราคาอาหารโลกลดลง 5 เดือนติดใน ส.ค. หลังยูเครนกลับมาส่งออกธัญพืช
สมช.เตรียมเสนอ ศบค.พิจารณายกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ด้านก.ท่องเที่ยวจะเสนอให้จัดโซนนิ่งขยายเวลาเปิดผับ-บาร์ถึง 04:00 น. รับกับช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวสิ้นปี ส่วนก.คลังเตรียมพิจารณาออกมาตรการคนละครึ่งเฟส 6 ช่วงปลายปี-ปีใหม่
ภาครัฐร่วมมือเอกชนหนุน Plant-based Food ตอบรับทางเลือกใหม่อาหารอนาคต
วันนี้ติดตามการประชุม OPEC+ คาดคงกำลังการผลิตที่ 1 แสนบาร์เรล/วันใน ต.ค. หลังอุปทานน้ำมันยังคงตึงตัว แม้สมาชิกหลายรายเรียกร้องให้ลดกำลังการผลิต
วันนี้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ ส.ค. ของไทย คาด +7.85%YoY จาก ก.ค. +7.61%YoY
ศาลปกครองแถลงปิดคดีหนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วง หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วง แบริ่ง-เคหะสมุทรปราการ ระหว่าง BTS กับ กทม. 7 ก.ย. นี้
กรมอุตุฯ เตือนทั่วทุกภาคระวังเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก 5-9 ก.ย.นี้
กลยุทธ์การลงทุน
ตลาดการเงินกังวลว่าเฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงต่อเนื่องเพื่อคุมเงินเฟ้อ อีกทั้งจีนยังใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อคุมการแพร่ระบาดของโควิดเป็นระยะ และยุโรปมีปัญหาขาดแคลนก๊าซที่ยังไม่คลี่คลาย ทำให้ความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอยมีมากขึ้น ซึ่งคาดจะกดดันบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ช่วงสั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงเพิ่มความระมัดระวัง โดยเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดีเป็นหลัก
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : ความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอยที่มีมากขึ้น คาดกดดัน SET Index ให้ผันผวนสูง จึงแนะนำเลือกลงทุนอย่างระมัดระวัง โดยเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้น Defensive ที่ผลประกอบการอิงเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศ เลือก BJC HMPRO ZEN HTC ADVANC
2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บาทอ่อน รวมทั้งได้ประโยชน์กลุ่มประเทศตะวันออกกลางมีกำลังซื้อและเศรษฐกิจเติบโตดี เลือก CPF GFPT BDMS
ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
1) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปัญหา Supply chain หลังจีนกลับมา ล็อกดาวน์ปิดเมืองเฉิงตูและเซินเจิ้นอีกครั้งซึ่งเป็นฐานการผลิตกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ ซึ่งมีโอกาสส่งผลกระทบเชิงลบต่อคำสั่งซื้อและการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องจากบริษัทผู้ผลิตในไทย
2) หุ้นท่องเที่ยวหลังมองราคาหุ้นปรับขึ้นมาแรงแล้ว ขณะที่ล่าสุดอาจได้รับ sentiment ลบจากจีนกลับมาล็อกดาวน์เมืองใหญ่อีกครั้ง
Daily Focus
NRF ได้ประโยชน์จากบาทอ่อนค่า คาด 2H65 กำไรปรับตัวดีขึ้น HoH จากช่วงไฮซีซั่นยอดขายผลิตภัณฑ์อาหารไทยและอาหารท้องถิ่น การรับรู้กำไรธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วม P&B ใน UK ที่ลดลง และสถานการณ์ขาดแคลนกลูเตนจากข้าวสาลีที่คลี่คลายลง
PTTEP ช่วงสั้นคาดได้อานิสงส์จากวิกฤติพลังงานในยุโรปที่หนุนราคาพลังงานให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ 2H65 คาดจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จาก ASP ที่สูงขึ้นเนื่องจากสถานะสัญญาประกันความเสี่ยงส่วนใหญ่มีการบันทึกมูลค่าตามราคาตลาดปัจจุบันไปแล้ว
ข่าวเด่น