คาด SET เคลื่อนไหวซิกแซกขึ้น โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1660-1670 จุด อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมยังมีมุมมองแบบระมัดระวัง เนื่องจากยังมีความเสี่ยงจากนโยบายการเงินที่ตึงตัว และความกังวลเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงทางเทคนิคให้สัญญาณ Divergence ดังนั้น ให้ติดตามกรอบล่างบริเวณ 1647 และ 1640 จุด หากต่ำกว่า จะเริ่มเป็นสัญญาณลบ
ประเด็นสำคัญ
• ราคาน้ำมันพุ่งหลังรัสเซียขู่ระงับจัดส่งพลังงานให้ชาติตะวันตกหากกำหนด เพดานราคาน้ำมันรัสเซีย
• สหรัฐเตรียมออกคำสั่งคัดกรองและจ ากัดการลงทุนด้านการพัฒนา เทคโนโลยีล้าสมัยของสหรัฐในจีนและในประเทศที่เป็นปฏิปักษ์
• กทม.เตรียมเสนอสภากทม. 14 ก.ย. เรื่องค่าโดยสาร รฟฟ. สายสีเขียวช่วงต่อขยาย, การต่อสัมปทานกับ BTS และคดีฟ้องร้องหนี้ 1.17 หมื่นลบ.กับ BTS
• กัมพูชายกเลิกห้ามน าเข้า-จำหน่ายแป้งเด็กจากไทยแล้วหลังตรวจไม่พบแร่ใยหิน
• ร่างพรบ.กัญชาฯ เข้าสู่วาระการพิจารณาเร่งด่วนของสภาฯ ในวันนี้
• ก.คลัง โดยกรมสรรพสามิต เตรียมเก็บภาษีคาร์บอน เน้นไปที่ 5 อุตสาหกรรม คือ ซีเมนต์ เหล็ก อลูมิเนียม ปุ๋ย ผลิตไฟฟ้า
• ก.พาณิชย์ ลงนาม MOU กับมองโกเลีย จัดตั้งและเปิดประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC)
• สมาคมผู้ค้าปลีกไทยเสนอรัฐอัดฉีดเงินกระตุ้นศก.สิ้นปีหลังดัชนีความ เชื่อมั่น ส.ค.ยังชะลอตัว ปชช.งดใช้จ่ายฟุ่มเฟือย รายได้ไม่ฟื้นตัว หนี้ ครัวเรือนเพิ่มสูง
• WHA เตรียมพื้นที่นิคมระยอง 36 คลัสเตอร์ รองรับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รายใหญ่จากต่างชาติและ supply chain
กลยุทธ์การลงทุน
เรามองตลาดจะยังคงให้น้ำาหนักกับความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอยที่มีมากขึ้น หลังเฟดยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงต่อเนื่องเพื่อคุมเงินเฟ้อ ขณะที่ยุโรปกำลังเผชิญกับเงินเฟ้อสูงและวิกฤตพลังงานอีกทั้งจีนยังใช้นโยบาย Zero Covid ทำให้มีการล็อกดาวน์เมืองใหญ่เป็นระยะๆ ซึ่งย่อมกระทบต่อการลงทุนในระยะถัดไป ทำให้มองดัชนีมี Upside จำกัด ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”ในหุ้นที่มีคุณภาพดีมีปัจจัยบวกเฉพาะเป็นหลัก
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : แม้มองตลาดรับรู้ความเสี่ยงไปพอสมควรแล้ว ทำให้มีโอกาสน้อยที่ Downside จะลงลึก แต่ช่วงสั้นคาดดัชนีหุ้นไทยยังมี Upside จำกัดเช่นกัน จึงเน้นเลือกลงทุนอย่างระมัดระวังในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้น Defensive ที่ผลประกอบการอิงเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศ เลือก ZEN HTC ADVANC
2) หุ้นที่คาดได้ Sentiment บวกจากสถานการณ์น้ำท่วมซึ่งเป็นความเสี่ยงตามฤดูกาลที่เกิดขึ้นใน ก.ย.-ต.ค. เลือก HMPRO GLOBAL CPALL BJC TASCO ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
1) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปัญหา Supply chain หลังจีนยังคงดำเนินมาตรการล็อกดาวน์เมืองใหญ่เป็นระยะ โดยเฉพาะที่เป็นฐานการผลิตอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์อย่าง เฉิงตู เซินเจิ้น กุ้ยหยาง ซึ่งมีโอกาสกดดันคำสั่งซื้อและการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องจากบริษัทผู้ผลิตในไทย
2) หุ้นท่องเที่ยวหลังมองราคาหุ้นปรับขึ้นมาแรงแล้ว ขณะที่ล่าสุดอาจได้รับ sentiment ลบจากจีนกลับมาล็อกดาวน์และยุโรปเผชิญปัญหาค่าครองชีพพุ่ง
Daily Focus
PTTEP คาดได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น โดยเมื่อวันศุกร์ Brent +4.1%DoD และ WTI +3.9%DoD กังวลอุปทานน้ำมันรัสเซียหายไปจากตลาดขณะที่ 2H65 คาดได้รับประโยชน์เต็มที่จาก ASP ที่สูงขึ้นจากสถานะสัญญาประกันความเสี่ยงส่วนใหญ่มีการบันทึกมูลค่าตามราคาตลาดปัจจุบันไปแล้ว
HMPRO 3Q65 คาดกำไรจะเติบโตเร่งตัวขึ้น YoY หนุนจาก SSS ที่ดีขึ้น มาร์จิ้นที่กว้างขึ้น และรายได้ค่าเช่าที่สูงขึ้นจากฐานต่ำใน 3Q64 อีกทั้งช่วงสั้นคาดได้อานิสงส์จากเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์น้ำท่วมซึ่งปกติหลังน้ำท่วมจะมีอุปสงค์ซื้อสินค้าเพื่อปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเพิ่มสูงขึ้น
ข่าวเด่น