คาด SET แม้ฟื้นตัวได้จากการรีบาวด์ทางเทคนิค อย่างไรก็ตามคาดกรอบบนยังถูกจำกัดตามแนวต้าน โดยวันนี้มีแนวต้านอยู่ที่ 1650-1655 จุด เนื่องจากมองตลาดยังเผชิญปัจจัยกดดันจากนโยบายการเงินที่ตึงตัวสร้างความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจ ด้านกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1640 และ 1630 จุด หากต่ำกว่าเป็นลบ
ประเด็นสำคัญ
• BoE มีมติปรับขึ้น ด.บ.นโยบาย 0.50% สู่ 2.25% สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 และเป็นการปรับขึ้น ด.บ.ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 7 นับตั้งแต่ ธ.ค. 2564
• BoJ คงอัตราดอกเบี้ยที่ -0.1% ส่งผลเงินเยนอ่อนค่าสุดรอบ 24 ปี ทำให้ BoJ เข้าแทรกแซงตลาด FX เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2541 เพื่อพยุงค่าเงิน
• ญี่ปุ่นเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยว 11 ต.ค.นี้ แบบฟรีวีซ่า เช่นเดียวกับไต้หวันประกาศฟรีวีซ่าตั้งแต่ 29 ก.ย-เตรียมยกเลิกกักตัว 13 ต.ค.
• รมว.คลัง ระบุไม่แทรกแซง ธปท.ควบคุมค่าเงิน โดยต้องพิจารณาปัจจัยหลัก 3 เรื่อง คือ เงินเฟ้อ-การขยายตัวของ ศ.ก.-เงินทุนไหลออก ประกอบกัน
• ภาคเอกชนมองบาทอ่อนช่วยหนุนการส่งออกและท่องเที่ยว แต่ไม่ควรอ่อนค่าเกิน 37.25 บ./ดอลลาร์ เพราะจะเกิดความผันผวนในเรื่องการตกลงราคา
• ประชุม ศบค. ชุดใหญ่วันนี้ พิจารณายกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยุบ ศบค.และปรับให้ สธ. ดูแลด้วย พ.ร.บ.โรคติดต่อแทน คาดมีผล 1 ต.ค. นี้
• ส.อ.ท. รายงานยอดส่งออกรถยนต์ ส.ค.65 ที่ 73,325 คัน +23%YoY คาดยอดส่งออกปีนี้น่าจะได้ตามเป้า 9 แสนคัน หากช่วงที่เหลือปีนี้มียอดเท่า ส.ค.
• กรมธนารักษ์เตรียมเซ็นสัญญา บ.วงษ์สยามฯ ที่ชนะการประมูลบริหารท่อส่งน้ำ EEC หลังศาลปกครองไม่คุ้มครองชั่วคราวตามที่ EASTW ยื่นคำร้อง
กลยุทธ์การลงทุน
เรามองช่วงสั้นบรรยากาศการลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงจะถูกกดดันจากกังวลความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอยที่มีมากขึ้น หลังเฟดส่งสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงเพื่อสกัดเงินเฟ้อ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ Selective ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นจะผันผวนสูงและมี Upside จำกัด หลังเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรง จึงเน้นเลือกลงทุนอย่างระมัดระวังในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้นที่คาดได้ Sentiment บวกจากสถานการณ์น้ำท่วมซึ่งเป็นความเสี่ยงตามฤดูกาลที่เกิดขึ้นใน ก.ย.-ต.ค. เลือก HMPRO GLOBAL CPALL BJC TASCO
2) หุ้นเชิงรับที่ไม่อิงเศรษฐกิจโลกมากนักหลังเฟดส่งสัญญาณ dot plot ปี 2566 ปรับขึ้นมากกว่าที่คาด เลือก ADVANC BDMS BLA
ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
1) หุ้นเดินเรือซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากอุปทานเรือใหม่ที่เข้ามาและอุปสงค์การขนส่งสินค้าเริ่มชะลอตัวลง
2) หุ้นที่คาดได้ Sentiment ลบจากการเข้าสู่ช่วงเทศกาลกินเจ อาทิ CPF GFPT ซึ่งปกติราคาหุ้นมักปรับตัวลงในช่วงดังกล่าว
Daily Focus
BBL ได้ประโยชน์มากสุดจากดอกเบี้ยขาขึ้น คาดจะเป็นธนาคารแห่งเดียวที่กำไร 2H65 เพิ่มขึ้น HoH และ YoY หนุนจากการเร่งตั้งสำรองเพิ่มใน 1H65 การปล่อยสินเชื่อได้สูงใน 2H65 และ NIM ขยายตัวจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งยังมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ
AOT มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศสูง การท่องเที่ยวไทยที่เป็นบวกหลังการกลับมาเปิดประเทศเต็มรูปแบบเมื่อ 1 ก.ค. กระตุ้น นทท.ต่างชาติมาไทยมากขึ้น โดย 8M65 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย -4.6 ล้านคน มองเป็นผลดีต่อผลประกอบการ หนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง
ข่าวเด่น