
คาด SET การฟื้นตัวกรอบบนยังถูกจำกัดตามแนวต้าน โดยอยู่ที่ 1645-1650 จุด เนื่องจากมองตลาดยังเผชิญปัจจัยกดดันจากนโยบายการเงินที่ตึงตัวสร้างความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจ และเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องเป็นลบต่อทิศทาง fund flow ด้านกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1627 หากต่ำกว่าเป็นลบต่อ และมีแนวรับถัดไปที่ 1620 จุด
ประเด็นสำคัญ
•เงินปอนด์เทียบดอลลาร์อ่อนค่าสุดรอบ 37 ปี หลัง รมว.คลังอังกฤษคนใหม่เตรียมออกมาตรการลดภาษีครั้งใหญ่และมาตรการเยียวยาครัวเรือน-ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากราคาพลังงาน
•ก.คลังพิจารณาใช้ VAT 2 อัตรา โดยอัตราปกติที่ 7% สำหรับสินค้าทั่วไปและสูงกว่า 7% สำหรับสินค้าฟุ่มเฟือย คาดสร้างรายได้เข้ารัฐเพิ่มกว่า 1 แสนลบ.
•ประชุม กนง. 28 ก.ย. นี้ ตลาดคาดปรับขึ้น ด.บ. 0.25%-0.50% หลังเงินดอลลาร์แข็งกดดันบาทอ่อน คาด ธ.พ. เตรียมปรับขึ้น ด.บ.เงินกู้-ฝากตาม
•ก.ท่องเที่ยวเผยผลสำรวจความเชื่อมั่น นทท.ไทย ต่ออุตฯ ท่องเที่ยว ช่วง ส.ค.-ธ.ค. 65 อยู่ที่ 80% เพิ่มจาก 20%
•สมาคมโรงแรมไทยมองบาทอ่อนเป็นบวกต่อท่องเที่ยว ทำให้อยากใช้จ่ายมากขึ้น แต่ไม่ได้ช่วยดึงดูดต่างชาติเที่ยวไทย
•กกพ.ประกาศเลื่อนกรอบเซ็นสัญญาโรงไฟฟ้าชุมชนนำร่อง 150 MW เป็นรอบที่ 5 อีก 90 วัน นับตั้งแต่ 30 ก.ย. ผู้ผ่านการคัดเลือก 43 รายถูกเลื่อนลงนามรวมแล้ว 15 เดือน
•บอร์ด กสทช. เตรียมพิจารณาดีลควบรวม TRUE-DTAC ในวันที่ 12 ต.ค. นี้
•กรมอุตุฯ เตือนพายุไต้ฝุ่นโนรู ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วม 28 ก.ย.-1 ต.ค.
กลยุทธ์การลงทุน
แม้มองตลาดกำลังปรับตัวเข้าสู่สมดุลใหม่ โดยเชื่อว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงจะสิ้นสุดลงแล้ว และเงินเฟ้อจะเริ่มชะลอตัว แต่ช่วงสั้นคาดบรรยากาศการลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงจะยังถูกกดดันจากกังวลความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอย การปรับตัวลงของราคาน้ำมันและค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ Selective ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยจะยังมีความผันผวนสูงและ Upside จำกัด หลังมีปัจจัยเสี่ยงภายนอกกดดัน จึงเน้นเลือกลงทุนอย่างระมัดระวังในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้น defensive ที่อิงเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก เลือก ADVANC BDMS BLA HMPRO
2) หุ้น domestic growth ใน 4Q65 ซึ่งกำไรมีโมเมนตัมเติบโตได้ดี เลือก AMATA AP CRC KTB
ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
1) หุ้นเดินเรือซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากอุปทานเรือใหม่ที่เข้ามาและอุปสงค์การขนส่งสินค้าเริ่มชะลอตัวลง
2) หุ้นที่มีฐานลูกค้า/ตลาดส่งออกไปยังสหรัฐและยุโรป ซึ่งคาดได้รับกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อาทิ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มยานยนต์ กลุ่มยาง
3) หุ้นเนื้อสัตว์ อาทิ CPF GFPT ซึ่งอาจถูกกดดันจากกังวลต้นทุนอาหารสัตวจะทรงตัวสูงจากสงครามรัสเซียและยูเครนที่กลับมายกระดับขึ้น และการเข้าสู่เทศกาลกินเจ
Daily Focus
GPSC 3Q65 คาดกำไรจะยังมีโมเมนตัมขาขึ้น QoQ จากค่า Ft ที่สูงขึ้นและกำไรที่เพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาว อีกทั้งได้ sentiment บวกทั้งจากราคาน้ำมันที่ปรับลงซึ่งเป็นผลดีต่อต้นทุนการผลิต รวมทั้งแผน PDP ฉบับใหม่และการส่งเสริมโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถอีวีทั้งด้านภาษีและเงินอุดหนุน
BDMS หุ้น Defensive ซึ่งกำไร 2H65 แนวโน้มเพิ่มขึ้น หนุนจากบริการที่ไม่เกี่ยวกับโควิด-19 โดยเฉพาะตลาดผู้ป่วยต่างชาติ คาดปี 65 กำไรปกติเติบโต 43% สู่ 1.1 หมื่นลบ. สูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิด-19 Valuation ยังน่าสนใจ ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น +8.3% น้อยกว่า BH ที่ +26.1%
ข่าวเด่น