คาด SET มีโอกาสเกิดการรีบาวด์ทางเทคนิคบริเวณแนวรับ 1615 หรือ 1605 จุด ตามลำดับ รวมถึงการประชุมกนง.วันพรุ่งนี้ที่คาดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย จะช่วยผ่อนคลายการอ่อนค่าของเงินบาท และแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1630 และ 1637 จุด ตามลำดับ
ประเด็นสำคัญ
• นักลงทุนคาด Fed จะปรับขึ้น ด.บ. 0.75% ในการประชุม พ.ย. และปรับขึ้นอีก 0.50% ใน ธ.ค. หากเป็นไปตามคาด จะส่งผลให้ Fed ปรับขึ้น ด.บ. 0.75% ติดต่อกันถึง 4 ครั้ง คือ การประชุม มิ.ย., ก.ค., ก.ย. และ พ.ย.
• Bond Yield 2 ปีสหรัฐ พุ่งขึ้นเหนือ 4.3% สูงสุดในรอบ 15 ปี และอยู่สูงกว่าอายุ 10 และ 30 ปี ส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย
• BoE อาจจัดการประชุมฉุกเฉินในสัปดาห์นี้ และประกาศปรับขึ้น ด.บ. ครั้งใหญ่หลังเงินปอนด์เทียบดอลลาร์อ่อนค่าสุดเป็นประวัติการณ์
• รมว.คลังระบุยังไม่หารือชัดเจนเพิ่ม VAT สินค้าฟุ่มเฟือยเป็น 10% โดยการจัดเก็บรายได้ที่ผ่านมายังเป็นไปตามเป้าหมาย
• กกพ.เห็นชอบระเบียบซื้อไฟฟ้าสะอาด 5.2 พันเมกะวัตต์ รูปแบบ FiT ปี 65-73 รอประกาศราชกิจจานุเบกษา เริ่มรับซื้อ ต.ค.นี้
• บอร์ด กสทช.เปิดเผย 14 มาตรการดีลควบรวม TRUE-DTAC 12 ต.ค.นี้
• ก.พาณิชย์รายงานยอดส่งออก ส.ค. +7.5%YoY ขยายตัว 18 เดือนติด ส่งผล 8M65 ส่งออกขยายตัว 11%YoY คาดทั้งปีทำได้ตามเป้าที่ 4-5%YoY
• โตโยต้าประเทศไทย คาดน้ำท่วมหลายพื้นที่ทั่วประเทศ จะทำให้การซื้อรถใหม่ล่าช้าไปจนกว่าฤดูฝนจะสิ้นสุดลงในช่วงปลายปี
กลยุทธ์การลงทุน
แม้มองตลาดกำลังปรับตัวเข้าสู่สมดุลใหม่ โดยเชื่อว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงจะสิ้นสุดลงแล้ว และเงินเฟ้อจะเริ่มชะลอตัว แต่ช่วงสั้นคาดบรรยากาศการลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงจะยังถูกกดดันจากกังวลความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอย การปรับตัวลงของราคาน้ำมันและค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ Selective ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยจะยังมีความผันผวนสูงและ Upside จำกัด หลังมีปัจจัยเสี่ยงภายนอกกดดัน จึงเน้นเลือกลงทุนอย่างระมัดระวังในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้น defensive ที่อิงเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก เลือก ADVANC BDMS BLA HMPRO
2) หุ้น domestic growth ใน 4Q65 ซึ่งกำไรมีโมเมนตัมเติบโตได้ดี เลือก AMATA AP CRC KTB
ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
1) หุ้นเดินเรือซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากอุปทานเรือใหม่ที่เข้ามาและอุปสงค์การขนส่งสินค้าเริ่มชะลอตัวลง
2) หุ้นที่มีฐานลูกค้า/ตลาดส่งออกไปยังสหรัฐและยุโรป ซึ่งคาดได้รับกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อาทิ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มยานยนต์ กลุ่มยาง
3) หุ้นเนื้อสัตว์ อาทิ CPF GFPT ซึ่งอาจถูกกดดันจากกังวลต้นทุนอาหารสัตว์จะทรงตัวสูงจากสงครามรัสเซียและยูเครนที่กลับมายกระดับขึ้น และการเข้าสู่เทศกาลกินเจ
Daily Focus
AOT ภาพรวมอุตสาหกรรมและผลประกอบการที่ดีขึ้นจะหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยปัจจุบันราคาหุ้นยังเทรดต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโควิด-19 อยู่ 1% ตามหลังหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มท่องเที่ยวที่เทรดสูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิด-19 อยู่เฉลี่ย 27% และ SET ที่สูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิด-19 อยู่ 3%
ADVANC เป็นหุ้นปลอดภัยในช่วงที่ตลาดผันผวน เนื่องจากพื้นฐานธุรกิจมั่นคง มีกระแสเงินสดดี และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลดีที่สุดในกลุ่ม โดยปี 2565 คาดมีกำไรปกติที่ 2.83 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 2.7% YoY ช่วงสั้นจัดเป็นอีกหุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ iPhone 14
ข่าวเด่น