คาด SET ยังอยู่ในช่วงพักตัว และในช่วงสั้นดูยังมี downside โดยตลาดขาดปัจจัยหนุนใหม่ และสัญญาณเทคนิคที่อ่อนแรง รวมถึงทิศทาง fund flow ไหลออกจากแรงขายทำกำไร ด้านแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1605-1610 จุด ส่วนการฟื้นตัวกรอบบนยังถูกจำกัดที่แนวต้าน 1622-1630 จุด
ประเด็นสำคัญ
แบบจำลอง GDPNow คาด GDP 4Q65 สหรัฐขยายตัว 4.4% เพิ่มขึ้นจากคาดครั้งก่อนที่ 4% หลังยอดค้าปลีก ต.ค. ขยายตัวมากกว่าคาด
ข้อตกลงอนุญาตให้ยูเครนส่งออกธัญพืชผ่านทะเลดำ เพื่อบรรเทาความไม่มั่นคงด้านอาหารทั่วโลก ได้รับการขยายเวลาออกไปอีก 120 วัน
นายกรัฐมนตรีอังกฤษยืนยันการขึ้นภาษีกำไรจากน้ำมันและก๊าซครั้งใหญ่
WHO เตือนโอมิครอน BQ.1.x ระบาดเพิ่ม-กลายพันธุ์คล้ายเดลต้า
ไทยเจรจาทวิภาคีหลายชาติเพิ่มมูลค่าการค้า-ลดอุปสรรคลงทุน เช่น ญี่ปุ่นพิจารณาใช้
ไทยเป็นศูนย์กลางผลิต EV ของอาเซียน, ฝรั่งเศสรื้อฟื้นการเจรจา FTA ไทย-EU, ออสเตรเลียร่วมเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์
ก.คลังพิจารณาเพิ่มเงินสมทบประกันสังคมเพื่อสร้างเสถียรภาพกองทุน
รฟม. พิจารณาศึกษา PPP โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี (บึงกุ่ม) วงเงิน 4.9 หมื่นลบ. คาดว่าจะสรุปรูปแบบได้ปลายปี 2566
กกท. ระบุบรรลุข้อตกลงการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดบอลโลก 2022 ครบ 64 แมตช์ มูลค่า 1.2 พันลบ. TRUE-ThaiBev.-PTT ร่วมสนับสนุน
ADVANC เตรียมตั้ง AISIF นำโครงข่ายไฟเบอร์ออปติกกว่า 1 แสนลบ. เข้ากองทุนฯ รองรับการขยายตัวในระยะยาว
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นเรามอง SET จะเริ่มมี Upside จำกัดและมีโอกาสเผชิญแรงขายทำกำไรหลังสิ้นสุดเทศกาลประกาศงบ 3Q65 แล้ว อีกทั้ง Fund flow คาดจะเริ่มไหลเข้าชะลอตัวลง หลังบาทแข็งค่าขึ้นในรอบ 3 เดือนมาอยู่ที่บริเวณ 35.7 บาทต่อดอลลาร์ ดังนั้นกลยุทธลงทุนจึงแนะนำเป็น Selective Buy
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : ช่วงสั้นแนะนำ Selective Buy ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ซึ่งคาดต้านทานความเสี่ยงภายนอกได้ ดังนี้
1) หุ้นที่คาดโมเมนตัมกำไร 4Q65 เติบโตแข็งแกร่ง YoY เลือก BBL CPALL BCP AOT
2) หุ้นที่ได้อานิสง์จากมาตรการช่วยเหลือภาครัฐ อาทิ ประกันราคาข้าว เยียวยาน้ำท่วม เลือก HMPRO GLOBAL MAKRO
3) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จากเทศกาลฟุตบอลโลก (เริ่ม 20 พ.ย.-18 ธ.ค. 65) ซึ่งคาดกระตุ้นบรรยากาศการบริโภคในช่วงเชียร์บอล เลือก CPALL CENTEL MINT
4) หุ้นเก็งกำไรที่คาดได้อานิสงส์จากเงินทุนไหลเข้า และ/หรือ บาทแข็งค่า เลือก BDMS PTT / AAV BA GPSC
ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
1) หุ้นที่คาดถูกนำออก SET50 ซึ่งจะประกาศ 16 ธ.ค. 65 และมีผลบังคับใช้ใน 1H66 อาทิ BLA IRPC KCE SAWAD (SET100 ที่คาดถูกนำออก MAJOR STEC SUPER SYNEX TASCO TTA)
2) หุ้นอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากบาทแข็งค่าและผลประกอบการหุ้นเทคโนโลยีของโลกมีแนวโน้มอ่อนแอต่อใน 4Q65
3) หุ้นเดินเรือ ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากอุปทานเรือใหม่ที่เข้ามาและอุปสงค์การขนส่งสินค้าเริ่มชะลอตัวลง
Daily focus
SCGP 4Q65 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ อันเป็นผลมาจากมาร์จิ้นที่กว้างขึ้น โดยได้แรงหนุนจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลและต้นทุน RCP ที่ลดลงในระยะหลังนี้
GPSC ช่วงสั้นมองได้ sentiment บวกทั้งจากราคาเชื้อเพลิง (ก๊าซ, น้ำมัน) ที่ปรับลงซึ่งเป็นผลดีต่อต้นทุนการผลิต รวมทั้งแผน PDP ฉบับใหม่และการส่งเสริมโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถอีวีทั้งด้านภาษีและเงินอุดหนุน
ข่าวเด่น