เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
MTS Gold คาดจะมีกรอบแนวรับ 1,850 เหรียญ และแนวต้าน 1,885 เหรียญ


ทิศทางราคาทองคำ

 
ราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในคืนวันศุกร์กว่า 45 เหรียญ โดยหลุดแนวรับที่ระดับ 1,900 เหรียญลงมา ปิดที่ระดับ 1,865 เหรียญ ถึงแม้ว่ากองทุนทองคำ SPDR ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง และยังคงถือครองเท่าเดิมที่ 920.24 ตัน ขณะที่ภาพรวมตลาดเริ่มมีแรงเทขายทำกำไรอย่างต่อเนื่อง หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯในวันศุกร์ออกมาอย่างแข็งแกร่ง ได้แก่ Non-Farm Employment Change และ ISM Services PMI ออกมาสูงกว่าคาดการณ์ค่อนข้างมาก ขณะที่ Unemployment Rate ออกมาลดลงกว่าคาดการณ์ ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะการจ้างงานที่ยังคงแข็งแกร่ง ด้านดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยดัชนีดอลลาร์เมื่อวันศุกร์เปิดที่ระดับ 102.92 จุด ก่อนแข็งค่าขึ้นทำจุดสูงสุดที่ระดับ 103.13 จุด ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ 103.19 จุด สำหรับตลาดพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งส่งผลให้เกิดแรงเทขายเข้ามาในตลาดทองคำค่อนข้างมาก สำหรับค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าอย่างรุนแรง จากระดับ 32.80 บาทต่อดอลลาร์ ทะลุ 33 บาทต่อดอลลาร์ขึ้นมา ขณะที่เช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.55 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งจะเห็นถึงความผันผวนของค่าเงิน และการปรับขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ โดยเกิดจากความกังวลของตลาดหลังตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้

 
 
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
 
ราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในช่วง 7 วันที่ผ่านมา เกือบ 100 เหรียญ โดยปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำในขณะนี้ คือ ปัจจัยทางเทคนิคเป็นหลัก โดยมีปัจจัยพื้นฐานรองลงมา ทั้งนี้ หากลาก Fibonacci  ในช่วงวันที่ 30 พ.ย.65 ที่ระดับ 1,778 เหรียญ ลากขึ้นไป เราพบว่าราคาทองขณะนี้ตกกลับมาหยุดพอดีที่เส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ของกราฟรายวัน ที่ระดับ 1,865 เหรียญ ซึ่งถ้าเป็น Moving Average 50 วันเกือบจะพอดี ขณะที่ Fibonacci Retracement ระดับ 38.2% อยู่ที่ 1,874 เหรียญ ซึ่งหลุดลงมา และ 50% อยู่ที่ 1,849 เหรียญ ส่วน 61.8% อยู่ที่ 1,831 เหรียญ ซึ่งน่าจะเป็นจุดแข็งแกร่งที่สุด แล้วถ้าลาก Fibonacci ระดับยาวที่ 1,631 มาที่ 1,960 เหรียญ ก็พบว่า 38.2% มาตกที่ ระดับ1,831 เหรียญเท่ากัน เลยมองว่า 1,831 เหรียญ เป็นจุดรับที่แข็งแกร่งมาก
 
 
คราวนี้เราก็มาดูว่าจุดราคาทอง ณ ปัจจุบันควร Cut Loss หรือไม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัย โดยดูว่าพอร์ตขาดทุนมากน้อยแค่ไหน และในพอร์ตใช้ Leverage มากน้อยแค่ไหน ดังนั้นจึงขึ้นกับการลงทุนในพอร์ตเป็นสำคัญ หากในระยะสั้น Cut Loss ต้องตัดขาดทุนที่ 1,900 เหรียญ หรือ 1,880 เหรียญ ถ้าระยะยาวเราจะตัดขาดทุนที่ต่ำกว่า 61.8% ของ Fibonacci ซึ่งจะอยู่ที่ระดับ 1,831 เหรียญ ซึ่งลึกมากไป แล้วคำถามที่ที่ว่าจะซื้อได้ไหม ขึ้นอยู่ว่าพอร์ตจะว่างขนาดไหน ถ้าพอร์ตว่างก็หาจุดเข้าซื้อเมื่อมีการกลับตัว ซึ่งมีสัญญาณระยะสั้น 15-30 นาทีเริ่มมีการกลับตัวบางอย่างแต่ยังไม่ชัดเจน โดยเราจะรอเข้าซื้อที่จุดปลอดภัยที่สุด ที่ 1,831 เหรียญ เป็นจุด Fibonacci ที่ 61.8% ซึ่งเป็นระยะที่ค่อนข้างต่ำทีเดียว กล่าวโดยสรุป พอราคาทองตกลึกก็ดูปัจจัยทางเทคนิคเป็นหลัก หากตกลึกมากๆ ก็กลับไปดูปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งมองว่าไม่น่ามีผลกระทบ เนื่องจากตัวเลขจ้างงานออกมาแข็งแกร่ง ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้น และค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดยสำหรับเดือนนี้จะมีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ซึ่งหาก CPI ออกมาเพิ่มขึ้นกว่าที่คาดการณ์ อาจจะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% อย่างไรก็ตามภาพรวมหากปัจจัยทางพื้นฐานไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาก ยังวิเคราะห์ว่าราคาทองคำอาจมีโอกาสปรับตัวลดลงแต่ไม่ถึงกับเป็นแนวโน้มขาลง แต่น่าจะเริ่มมีการปรับฐานครั้งใหญ่ ซึ่งหากหลุดระดับ 1,831 เหรียญลงมา ราคาทองคำจะอยู่ในลักษณะของทิศทางขาลง แต่ถ้ายังสามารถยืนเหนือ 1,850 เหรียญได้ ก็ถือได้ว่าไม่เสียทรงเท่าไรนัก เป็นลักษณะจากการที่ผ่านมามี Overbought มาก และมีการเกิด Bearish divergence อยู่หลายครั้ง แต่ยังคงไม่กลับตัว พอกลับตัวจึงกลับแรงทีเดียว อย่างไรก็ตาม แนะนำนักลงทุนให้บริหารจัดการพอร์ตตนเองให้ดี ว่ามีการบริหารความเสี่ยง และใช้ Leverage มากน้อยเพียงใด โดยวันนี้คาดว่าจะมีกรอบแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,850 เหรียญ และแนวต้านระยะสั้นที่ 1,885 เหรียญ

สำหรับ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 1,865 เหรียญ และแนวต้าน 1,900 เหรียญ และ Gold Comex คาดจะมีกรอบแนวรับ 1,850 เหรียญ และแนวต้าน 1,885 เหรียญ สำหรับราคาทองคำไทยมีแนวรับที่ 29,500 บาท/บาททองคำ และมีแนวต้านที่ 29,900 บาท/บาททองคำ ทองไทยได้รับอานิสงค์ที่ดีจากค่าเงินบาท ทำให้ราคาปรับลดลงไม่มาก

Gold Futures Series G23 จะมีแนวรับที่ระดับ 29,630 บาท และแนวต้านที่ระดับ 30,000 บาท

โดยเน้นย้ำนักลงทุนว่า ราคาทองคำและราคาฟิวเจอร์สอาจจะแตกต่างกันประมาณ 5 – 20 เหรียญ ดังนั้น การวิเคราะห์หรือ Arbitrage จะต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

 
 
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
 
แนะนำลงทุนในกรอบตามทิศทางการเคลื่อนตัวของราคาในลักษณะการปรับฐานลงซื้อขึ้นขาย ยังเน้นเทรดเก็งกำไรระยะสั้น ระวังความผันผวนของราคา

- นักลงทุนที่ถือ Long Position
เก็งกำไรในกรอบ เข้าซื้อตามแนวรับและปิดทำกำไรตามแนวต้าน เน้นเทรดระยะสั้น ระวังความผันผวนของราคา

- นักลงทุนที่ถือ Short Position
เก็งกำไรในกรอบ รอเปิดสถานะตามแนวต้าน และปิดทำกำไรตามแนวรับเมื่อราคาย่อตัว

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 06 ก.พ. 2566 เวลา : 14:39:08
07-07-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ July 7, 2025, 1:17 am