การศึกษา-สิ่งแวดล้อม-สาธารณสุข
"สวนดุสิตโพล"สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง "ความขัดแย้งกรณีการเลือกนายกรัฐมนตรี"


“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ความขัดแย้งกรณีการเลือกนายกรัฐมนตรี” จำนวน 1,809 คน (สำรวจทางออนไลน์) ระหว่างวันที่ 20-22 กรกฎาคม 2566 สรุปผลได้ ดังนี้

 
 
1. ประชาชนคิดอย่างไรกับกรณีความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากการเลือกนายกรัฐมนตรี
 
อันดับ 1 ทำให้เกิดความขัดแย้งของคนในสังคม 71.73%

อันดับ 2 ทำให้เบื่อการเมือง การเมืองล้าหลัง ไม่พัฒนา 67.90%

อันดับ 3 กระทบต่อภาคเศรษฐกิจ ปากท้อง ความเป็นอยู่ของประชาชน 62.23%

2. ประชาชนคิดว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งครั้งนี้คืออะไร
 
อันดับ 1 การมุ่งแต่อำนาจจนเกินขอบเขต แย่งชิงผลประโยชน์ 74.21%

อันดับ 2 การปฏิบัติหน้าที่ของ สว. 63.76%

อันดับ 3 การไม่ยอมรับเสียงของประชาชน ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ 62.42%

3. แนวทางการยุติความขัดแย้งกรณีการเลือกนายกรัฐมนตรี
 
อันดับ 1 เคารพเสียงจากการเลือกตั้ง 77.39%

อันดับ 2 แสวงหาแนวทางร่วมกันอย่างสันติ ร่วมมือและไว้วางใจกัน 57.97%

อันดับ 3 ทุกฝ่ายถอยคนละก้าว คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก 47.10%

4. บทเรียนจากความขัดแย้งกรณีการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งนี้คืออะไรบ้าง
 
อันดับ 1 ทุกคนมีความเห็นทางการเมืองที่ต่างกันได้ แต่ควรเคารพซึ่งกันและกัน 64.13%

อันดับ 2 ความแตกต่างระหว่างวัยส่งผลต่อความคิดทัศนคติทางการเมือง 59.17%

อันดับ 3 ประชาธิปไตยไทยยังคงมีปัญหา แก้ไขได้ยาก 55.16%

5. ประชาชนคิดว่ากรณีการเลือกนายกรัฐมนตรีจะทำให้การเมืองไทยเป็นอย่างไร
 
อันดับ 1 แย่ลง 40.63%

อันดับ 2 เหมือนเดิม 33.72%

อันดับ 3 ดีขึ้น 25.65%
 
*หมายเหตุ ผู้ตอบสามารถระบุความคิดเห็นได้มากกว่า 1 เรื่อง (ค่าร้อยละจึงคำนวณในแต่ละข้อ)

สรุปผลการสำรวจ : ความขัดแย้งกรณีการเลือกนายกรัฐมนตรี

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ความขัดแย้งกรณีการเลือกนายกรัฐมนตรี” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,809 คน สำรวจระหว่างวันที่ 20-22 กรกฎาคม 2566 พบว่า ประชาชนมองว่ากรณี ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากการเลือกนายกรัฐมนตรี ทำให้เกิดความขัดแย้งของคนในสังคม ร้อยละ 71.73 โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งครั้งนี้คือการมุ่งแต่อำนาจจนเกินขอบเขต แย่งชิงผลประโยชน์ ร้อยละ 74.21 แนวทางการยุติความขัดแย้ง คือ ควรเคารพเสียงจากการเลือกตั้ง ร้อยละ 77.39 บทเรียนจากความขัดแย้งครั้งนี้คือ ทุกคนมีความเห็นทางการเมืองที่ต่างกันได้ แต่ควรเคารพซึ่งกันและกัน ร้อยละ 64.13 ทั้งนี้เห็นว่าการเมืองไทยหลังจากนี้ก็คงจะแย่ลง ร้อยละ 40.63

จากผลการสำรวจสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนรู้สึกเบื่อหน่ายกับปัญหาทางการเมือง ระบบของกฎหมายที่นำมา ซึ่งปัญหาในการเลือกนายกรัฐมนตรี แม้จะเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้ว แต่กลับยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เนื่องจากการมุ่งแต่อำนาจและผลประโยชน์ การปฏิบัติหน้าที่ของ สว. และการไม่ยอมรับเสียงของประชาชน จึงอยากให้ทุกฝ่ายถอยคนละก้าวบนฐานคิดคือประโยชน์ของประชาชนมากกว่าของตนเอง

นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต โทร 086-3766533

การเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ภายใต้กติกาตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ให้อำนาจสมาชิกวุฒิสภาในการให้ความเห็นชอบต่อผู้ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีและกำหนดเงื่อนไขไว้ว่า เมื่อรวมสมาชิกสองสภาในการลงคะแนนรับรองผู้ที่ถูกเสนอชื่อแล้ว จะต้องได้เสียงเกินครึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งสองสภา จากประเด็นดังกล่าว ผลโพล จึงชี้ให้เห็นว่าทำให้เกิดความขัดแย้งของคนในสังคมถึง 71.73% อย่างไรก็ตามประชาชนยังคงมีความหวังว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ เพียงแต่ทุกฝ่ายเคารพเสียงของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย ยอมถอยคนละก้าวร่วมกันหาแนวทางอย่างสันติ นอกจากนี้ผลโพลยังสะท้อนว่าประชาชนได้เรียนรู้และยอมรับว่า ทุกคนมีความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกันได้ เพราะเราทุกคนมีประสบการณ์ชีวิตในแต่ละช่วงวัยแตกต่างกัน แม้จะรู้สึกว่าประชาธิปไตยของไทย ยังคงมีปัญหา แต่สังคมไทยยังอยู่ด้วยความหวัง กลุ่มตัวอย่างจึงมองว่าการเมืองไทยจะดีขึ้นแม้มีเพียง 25.65% แต่นี่คือเชื้อไฟที่ไม่เคยดับมอด เป็นแสงสว่างที่คนในชาติต้องช่วยกันรับไม้และส่งต่อแสงสว่างให้ลุกโชนยิ่งขึ้นสืบไป

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ อัญชลี รัตนะ อาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 23 ก.ค. 2566 เวลา : 19:58:35
20-05-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 20, 2025, 1:51 pm