ประกัน
TIPH ตั้งเป้าปี 68 เบี้ยประกันโต 3 เท่า พร้อมจับมือ BE8 เปิดตัว "HoriXon T8" รุกธุรกิจ InsurTech


ทิพยประกันภัยตั้งเป้าเบี้ยประกันปี 2568 โต 3 เท่าของอุตสาหกรรมประกันภัยที่คาดว่าจะเติบโตประมาณ 0.5-2% จากแรงส่งของการลงทุนภาครัฐที่เพิ่มขึ้น และการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้บริษัทมีการร่วมทุนกับ บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) เปิดตัว บริษัท ฮอไรซอน ที 8 จำกัด “HoriXonT8” หรือ “T8” เพื่อยกระดับ Insurance Ecosystem ให้กับอุตสาหกรรมประกันภัย ด้วย AI-Powered Digital Transformation เสริมศักยภาพพันธมิตรด้านนวัตกรรมประกันภัยทั้งในประเทศและภูมิภาคอาเซียน ด้วยบริการที่ตอบสนองความต้องการแบบ MORE + Better + Faster ของ HoriXon T8

 
ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โลกปัจจุบันกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในหลายมิติ ทั้งการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมผู้บริโภค ด้านสภาพแวดล้อม และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI ที่เข้ามามีบทบาทในทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมประกันภัยก็ต้องเผชิญกับความท้าทายเหล่านี้ โดย Insurance Ecosystem ถือเป็นระบบนิเวศสำคัญ ทั้งในมิติของบริษัทประกันภัย, ตัวแทน/นายหน้า และคู่ค้า ตลอดจนผู้ให้บริการนอกอุตสาหกรรม เช่น สถาบันการเงิน, สถานพยาบาล, E-commerce และ Market Place ต่าง ๆ เราจึงเล็งเห็นโอกาสเพื่อปลดล็อคข้อจำกัดเดิม ๆ เพื่อให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการด้านประกันภัยในรูปแบบใหม่ที่มีความหลากหลาย รวดเร็ว และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคให้ดียิ่งขึ้นแบบไร้รอยต่อ ช่วยให้เราสามารถขยายฐานลูกค้าและเปิดตลาดใหม่ได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ 
 
“AI Disruption มาพร้อมกับสิ่งต่าง ๆ ที่เราคาดไม่ถึง โดยการถึงของคนใน Generation Z ให้ความสำคัญถึงความต้องการเฉพาะตัว หรือ Personalization ฉะนั้นธุรกิจประกันจึงไม่สามารถดำเนินการผ่านการอ้างอิงแบบ Portfolio ที่เอากลุ่มคนจำนวนมารวมตัวกันแล้วสร้างผลิตภัณฑ์สำหรับคนกลุ่มนั้นขึ้นมา หากแต่ต้องมีการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าแบบเฉพาะราย นอกจากนี้ยุคดังกล่าวกำลังเผชิญเข้ากับการลดลงของอัตราการเกิด ขณะเดียวกันประชากรบนโลกใบนี้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ยาวนานขึ้น สังคมในโลกปัจจุบันจึงก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างแท้จริง ทำให้ทุกธุรกิจรวมถึงธุรกิจประกันภัยจำเป็นต้องมีการปรับตัวครั้งยิ่งใหญ่และนอกเหนือจากการเปลี่ยนผ่าน Generation ของคนแล้ว การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมภูมิอากาศ ที่ทำให้เกิดภัยพิบัติต่าง ๆ  เป็น Natural Disaster ที่อาจสร้างความเสียหายใหญ่หลวงในระยะต่อไป รวมถึงการแพร่กระจายของโรคอุบัติใหม่ต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นภัยที่ธุรกิจประกันจำเป็นต้องมีการคำนึงถึง
 
ดังนั้น ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ไม่ได้คิดที่จะเปลี่ยน Ecosystem ด้านการประกันภัยของบริษัทที่อยู่ในกลุ่มทิพยประกันภัยเพียงอย่างเดียว แต่บริษัทมีความมุ่งมั่นว่า ด้วยประสบการณ์กว่า 72 ปีของทิพยประกันภัย ที่มีความเข้าใจในระบบประกันภัยและความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า การร่วมมือกับ BE8 ในครั้งนี้ จะเป็นการสร้างศักราชใหม่ของการเป็นผู้นำธุรกิจประกันภัยในการสร้าง Ecosystem ให้กับประเทศไทยที่ผสานความแข็งแกร่งของ Artificial Intelligence (AI) มาพัฒนาโซลูชันเพื่อสร้าง The Future of Insurance ให้ตอบโจทย์กับทุกความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง” ดร.สมพร กล่าว

 
นอกจากนี้ ดร.สมพร ยังได้กล่าวถึงโอกาสการเติบโตของธุรกิจประกันว่า ประกันภัยทั้งหมดของโลกใบนี้ 60% จัดเป็นเบี้ยประกันวินาศภัย (Non-Life Insurance) มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 4.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 150 ล้านล้านบาท ขณะที่อีก 40% จัดเป็นเบี้ยประกันภัยของกลุ่มประกันชีวิต (Life Insurance) มีเบี้ยประกันรวมทั้งสิ้น 2.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 101 ล้านล้านบาท ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และประเทศที่พัฒนาแล้วนั้นจะมีขนาดของธุรกิจประกันภัยที่ใหญ่กว่าธุรกิจธนาคาร แต่ธุรกิจประกันภัยในประเทศไทย มีเบี้ยของประกันวินาศภัยอยู่ที่ 276,000 ล้านบาท คิดเป็น 31% ของเบี้ยประกันภัยโดยรวม และมีเบี้ยประกันชีวิตอยู่กว่า 600,000 ล้านบาท คิดเป็น 69% ของเบี้ยประกันภัยโดยรวม
 
ดังนั้นทางทิพยประกันภัยได้มองเห็นถึงโอกาส ในช่องว่างของอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยของไทย โดยไม่ได้เห็นว่าเป็นเพียงโอกาสสำหรับทางบริษัทเท่านั้น แต่มีโอกาสอย่างมหาศาลที่ขยายส่วนแบ่งของเค้กก้อนนี้ออกไปได้ ซึ่งด้วยการร่วมสร้าง HoriXonT8 ขึ้นมา จะเป็นการยกระดับ Ecosystem ของประกันภัยไทย ที่เปิดให้ทุก ๆ บริษัทประกัน ตั้งแต่บริษัทที่ไม่มีความพร้อมด้านเงินลงทุนอย่างชัดเจน สามารถเข้าถึงระบบที่มอบความสามารถในการสร้างเบี้ยประกันภัยและผลกำไรให้กับบริษัทได้
 
และสำหรับเป้าหมายของทิพยประกันภัยในปี 2568 คาดว่าเบี้ยประกันรับรวมจะโต 3 เท่าของอุตสาหกรรมประกันภัยที่คาดว่าจะเติบโตประมาณ 0.5-2% เนื่องจากการลงทุนของภาครัฐที่เพิ่มขึ้น และการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกต่อการบริโภคในประเทศ

 
นายอภิเษก เทวินทรภักติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "เราเล็งเห็นศักยภาพของการนำ AI และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย มาร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงและพลิกโฉมวงการประกันภัยไทยให้ก้าวสู่การเป็นผู้นำในระดับภูมิภาค ตอบสนองกับ Global Trends ต่างๆ เช่น Embedded Insurance หรือประกันภัยที่ฝังตัวอยู่ในผลิตภัณฑ์และบริการ ที่เกี่ยวข้องกับ ไลฟ์สไตล์ตั้งแต่เรื่องการเดินทาง การดูแลสุขภาพ และการซื้อสินค้าผ่านช่องทาง E-Commerce และการพัฒนา Digital Platforms ให้ทุกส่วนของ Insurance Ecosystem ได้เข้าถึงเทคโนโลยีและสามารถทำงานด้วยกับแบบไร้รอยต่อยิ่งขึ้น ซึ่งการร่วมมือกันระหว่าง TIPH และ BE8 ในครั้งนี้เป็นการผสมผสานความเชี่ยวชาญด้านประกันภัยที่แข็งแกร่งของ TIPH กับความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีของ BE8 เรามุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อน Insurance Ecosystem ให้เข้าสู่ยุคแห่งเทคโนโลยี (Tech-Driven Industry) ด้วยโซลูชันและบริการใหม่ ๆ สร้างศักยภาพใหม่ให้ทั้ง Insurance Ecosystem แบบองค์รวมเพื่อให้ประกันภัยเข้าถึงได้ง่าย สะดวก และตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนในยุคดิจิทัล
 
โดย Ecosystem ของธุรกิจประกันภัย จัดได้ว่าเป็น Ecosystem ที่ใหญ่และมีความซับซ้อนอย่างมาก ที่ไม่ได้เชื่อมโยงแต่เพียงบริษัทประกันและลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงถึงโบรกเกอร์ ตัวแทนประกันภัย อู่ซ่อมรถ โรงพยาบาล E-Conmerce แพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ และยังมีพันธมิตรอีกมากมาย ซึ่งในทุกภาคส่วนดังกล่าว ก็มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนี้ ทั้งนี้แต่ละองค์กร ก็มีความต้องการ และทรัพยกรที่แตกต่างกัน จึงทำให้การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแบบองค์รวมจึงเป็นโจทย์ที่ท้าทาย T8 จึงถูกก่อตั้งขึ้นมาเป็นศูนย์กลางทางด้านเทคโนโลยีและ AI ที่จะครอบคลุมทั้ง Insurance Ecosystem ที่มุ่งเน้นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีให้เชื่อมโยงกับทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรม”

HoriXon T8 เป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมประกันภัยและพันธมิตรทางธุรกิจใน Insurance Ecosystem โดยไม่ได้จำกัดเพียงการพัฒนา InsurTech ระหว่างบริษัทประกันกับผู้ซื้อประกันเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบ ด้วยการใช้ Modernized Application, Cloud Platforms, Open API Architecture และ AI การสร้างโซลูชันใหม่ที่ทันสมัย เพื่อให้พันธมิตรสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี ซึ่งนำไปสู่การก้าวข้าม Digital Disruption สร้างขีดความสามารถใหม่ ๆ สร้าง New S-Curve ให้กับอุตสาหกรรมประกันภัย ด้วยการนำนวัตกรรม AI และเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ในทุกมิติ ผสานกับแนวคิดแบบ Disruptive Mindset ที่พร้อมจะก้าวออกจากข้อจำกัดและกรอบการทำงานแบบเดิม HoriXon T8 ตั้งเป้าหมายที่จะปฏิวัติ Insurance Ecosystem ทั้งหมดเพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดให้กับทุกภาคส่วน
 
 
นอกจากนี้ นายอภิเษก ยังกล่าวถึงความสามารถของ AI ที่เอาเข้ามาใช้ว่า “เราไม่ได้เพียงแต่จะ Digitize ใน Insurance Ecosystem ของประเทศไทยอย่างเดียวเท่านั้น แต่เรายังเห็นโอกาสที่จะเข้าไป Disrupt ทั้งในภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย เพราะเทคโนโลยีนั้น สามารถปลดล็อกศักยภาพในแทบทุกมุมของ Value Chain ในธุรกิจประกัน เช่น ในแง่ของ Product Development สามารถนำ AI เข้ามาเพื่อวิเคราะห์ข้อมูล เช่น การออกแบบประกันใหม่ ๆ ตามการใช้งานของลูกค้าอย่างแท้จริง และยังสามารถนำ AI มาใช้ประโยชน์ในด้านการตลาดอย่าง การสร้างคอนเทนต์ ปรับแต่งรูปให้เหมาะสมตามการใช้งานแต่ละช่องทาง ซึ่งทั้งหมดนี้ AI สามารถเข้ามาช่วยจัดการให้การดำเนินงานนั้นมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง
 
ส่วนในด้านของตัวแทนขายประกัน ก็สามารถนำ AI Assistant เช่น Google Gemini หรือ ChatGPT เข้ามาช่วยทำความเข้าใจลูกค้า หรือด้านการขาย ก็สามารถใช้ AI Agent เข้าช่วยปลดล็อกข้อจำกัดต่าง ๆ ของบุคลากรเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันที่ครอบคลุมและสอดคล้องกับการซื้อสินค้าผ่านช่องทางที่ลูกค้าใช้ได้ ทำให้ระดับการบริการเป็นไปตามมาตรฐานใหม่ที่ล้ำสมัยและสามารถตอบสนองลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมงในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับประกันภัย หรือการให้คำแนะนำในเรื่องอื่น ๆ ได้ โดยจุดเด่นคือ T8 จะผสาน AI Agent เข้าไปในแพลตฟอร์มดิจิทัลอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความรู้และข้อมูลในหลากหลายด้าน เช่น ด้านการเงินการลงทุน และสุขภาพให้กับลูกค้าได้อีกด้วย 
 
ในด้านของการเคลมประกัน T8 จะมีการใช้ Computer Vision มาเพื่อช่วยให้ขั้นตอนการเคลมมีความสะดวกมากขึ้น ยกตัวอย่างหากเกิดอุบัติเหตุ ลูกค้าสามารถหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาถ่ายวีดีโอ ระบบAI จะสามารถแกนเพื่อประเมินความเสียหาย เป็นการย่นเวลาในการรอให้เจ้าหน้าที่หน้างานดำเนินการตามปกติ ซึ่งใช้เวลานานกว่า และส่วนสุดท้าย เราสามารถนำ AI มาใช้ในกระบวนการทำงาน หรือ Operation เพื่อเพิ่มการ Scaling ที่สามารถจัดการกรมธรรม์ได้ในปริมาณมหาศาล ซึ่งปกติในประเทศไทย สามารถจัดการกรมธรรม์ได้ 3 ล้านฉบับต่อปี ในขณะที่ InsurTech ต่างประเทศ สามารถจัดการกรมธรรม์ได้ถึง 20 ล้านฉบับต่อเดือน ทั้งหมดนี้เป็นแนวทางที่ T8 กำลังพัฒนาเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่และการเติบโตของตลาดประกันภัยในอนาคต”
 

LastUpdate 28/01/2568 04:29:20 โดย : Admin
06-07-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ July 6, 2025, 3:41 am