เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ความไม่แน่นอนกลับมากดดันตลาด"


คาด SET แกว่งตัวลง หลังมีกระแสข่าวว่าการเจรจาภาษีระหว่างไทยกับสหรัฐฯ 23 เม.ย. ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด อีกทั้งยังมีความตึงเครียดสงครามการค้าขยายวงกว้างหลังจีนพร้อมตอบโต้ประเทศต่างๆ หากทำข้อตกลงกับสหรัฐที่สร้างความเสียหายกับจีน ขณะที่ Bond Yield ดีดตัวขึ้น อาจทำให้ นลท. เข้าสู่ภาวะ Risk-Off ประเมินแนวรับที่ 1120-1110 จุด แนวต้านที่ 1143-1150 จุด

ประเด็นสำคัญ

• ปธน. ทรัมป์เตือนเศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยหากเฟดไม่ลดดอกเบี้ยทันที ขณะที่เงินเฟ้อแทบไม่เหลือจากราคาพลังงานและสินค้าอุปโภคบริโภคที่ลดลง และได้เปรียบกับ ECB ที่ปรับลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง

• จีนเตือนประเทศต่างๆ ไม่ให้ทำข้อตกลงทางเศรษฐกิจและการค้ากับสหรัฐซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของจีน และหากประเทศใดเลือกแนวทางดังกล่าว จีนก็จะดำเนินมาตรการตอบโต้อย่างเด็ดขาด

• แหล่งข่าวทำเนียบรัฐบาลเผยทีมไทยที่จะเดินทางไปเจรจาเศรษฐกิจและการค้ากับสหรัฐฯ ในวันที่ 23 เม.ย. นี้ถูกเลื่อนออกไป โดยกำหนดการใหม่จะต้องรอการตอบรับจากผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) อีกครั้ง

• สนพ. ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับซื้อไฟฟ้าหมุนเวียน 5,200MW ไม่ใช่ต้นเหตุทำให้ค่าไฟฟ้าแพง โดยต้นทุนรับซื้อเฉลี่ยอยู่ที่ราว 2.7 บาท/หน่วย และไม่อาจยกเลิกสัญญาได้เนื่องจากโครงการส่วนใหญ่ได้ลงนามสัญญา PPA และบางโครงการได้เริ่ม COD แล้ว

• สมาคมผู้ค้าปลีกไทยคาด GDP ปีนี้โตเหลือ 1.0-1.4% และค้าปลีกเติบโต 3.4% น้อยกว่าปี 65-66 จากสงครามการค้า สินค้าจีนทะลักเข้าไทย แนะเร่งฟื้นท่องเที่ยว เสนอคืน VAT 7% ให้นักท่องเที่ยวช็อป 3,000 บาทขึ้นไป ดันไทยสู่ช็อปปิ้งพาราไดซ์แห่งอาเซียน 

• กสทช. ได้ข้อสรุปให้นำคลื่นออกประมูล 4 ย่านความถี่ในวันที่ 29 มิ.ย. 68 ส่วนคลื่นที่เหลือ 1800MHz 26GHz และ 3500MHz ยังไม่ประมูล

• ราคาน้ำมันปรับลงหลังมีรายงานความคืบหน้าเจรจานิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐและอิหร่าน อีกทั้งกังวลสงครามการค้ากระทบอุปสงค์น้ำมันโลก

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET ยังแกว่งตัวผันผวนและการซื้อขายจะเป็นไปอย่างระมัดระวัง เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐที่มีต่อประเทศคู่ค้า รวมทั้งยังต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งหากสถานการณ์ยังยืดเยื้อและทวีความรุนแรงขึ้นจะส่งผลกดดันต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและบรรยากาศการลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ขณะที่ในประเทศมองยังไร้ปัจจัยบวกใหม่และอยู่ระหว่างจับตาการเข้าเจรจาทางการค้าของรัฐบาลไทยกับสหรัฐ ซึ่งคาดข้อสรุปอาจต้องใช้เวลา 2-3 เดือน ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มอง SET แกว่งตัวผันผวนและการซื้อขายยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง จากกังวลความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐ และรอติดตามการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีน กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีมหลัก และ 1 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1. หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต YoY 2) ฐานะการเงินแกร่ง และ 3) จ่ายปันผลสม่ำเสมอ คาดให้ Div. Yield อย่างน้อยปีละ 3% พบหุ้นน่าสนใจ SET50: ADVANC BBL BDMS CPALL PTT และ SET100: BCH BTG

2. หุ้น Undervalued ซึ่งปัจจุบันซื้อขายที่ PER และ PBV 68F ระดับต่ำกว่า -1SD และมี SET ESG Ratings ระดับ A-AAA ขณะที่ปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ดี YoY และมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง อีกทั้งมีศักยภาพจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2568 อย่างน้อยปีละ 3% แนะนำ  BJC CPF AP HMPRO OR

3. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไรภายใต้สงครามการค้าที่มีท่าทีรุนแรงขึ้น แนะนำ หุ้นที่มีรายได้ภายในประเทศเป็นหลักซึ่งจะต้านทานความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ดีกว่า โดยเฉพาะหากสามารถกำหนดราคาและส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ อีกทั้งคาดจะได้ประโยชน์จากการปรับลงของราคาน้ำมันและดอกเบี้ย ได้แก่ BCH CPALL CPAXT GULF MTC OR และ TRUE ขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงกลุ่มที่ได้ผลกระทบทางตรงจากส่งออกไปสหรัฐ ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ยาง สินค้าเกษตร เครื่องประดับ และกลุ่มที่ได้ผลกระทบทางอ้อม ได้แก่ นิคม ท่องเที่ยว ธนาคาร

DAILY TOP PICKS

TRUE: มองเป็นหุ้นเด่นกลุ่มสื่อสาร โดยคาด 1Q68 กำไรปกติจะอยู่ที่ 3.7 พันลบ. เติบโต 364.7%YoY และ 4.7%QoQ พร้อมคาดจะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ใน 2Q68 อีกทั้งยังมี Upside จากการประมูลคลื่นความถี่ นอกจากนี้ผลประกอบการน่าจะได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีการค้าสหรัฐค่อนข้างจำกัด 

BDMS: มองเป็นหุ้นปลอดภัยภายใต้ตลาดที่ผันผวนสูงและราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากคาดเป็นหนึ่งในเป้าหมายกองทุน ThaiESGX เนื่องจากมี SETESG Rating ระดับ A  ขณะที่กำไรยังมีโมเมนตัมเติบโตต่อเนื่อง โดยปี 2568 คาดกำไรจะเติบโต 8%YoY และ Valuation ไม่แพง โดยปัจจุบันซื้อขายที่ PER 68F ระดับ 21.7 เท่า ต่ำกว่า -2SD ของ PER เฉลี่ย 10 ปี
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 22 เม.ย. 2568 เวลา : 11:29:10
01-05-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 1, 2025, 7:31 pm