(+) ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และเวสต์เท็กซัสปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังสหรัฐฯ ได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อผู้ประกอบการขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลวและน้ำมันดิบของอิหร่าน โดยแม้ก่อนหน้านี้จะมีสัญญาณบวกเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาโครงการนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน แต่การที่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของตลาดหุ้นโลก ภายหลังจากที่รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ แสดงความเห็นในเชิงบวกว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอาจเริ่มคลี่คลายลงในเร็ววันนี้ ซึ่งช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาด
(-) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2568 ลงเหลือ 2.8% จากเดิม 3.3% ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าที่อาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่งผลให้ตลาดกังวลต่อแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกที่อาจชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ
(+) หลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 18 เม.ย. 68 ปรับตัวลดลง 4.6 ล้านบาร์เรล ในขณะที่ปริมาณน้ำมันคงคลังกลุ่มน้ำมันดีเซลและน้ำมันอากาศยานปรับตัวลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล และปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังปรับตัวลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล สะท้อนอุปสงค์ภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานน้ำมันเบนซินในภูมิภาคมีแนวโน้มลดลง จากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมันในอินเดียเป็นระยะเวลา 3 สัปดาห์ รวมถึงโรงกลั่นในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่มีการหยุดดำเนินการบางส่วนในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ตลาดได้รับแรงหนุนจากตัวเลขการส่งออกน้ำมันเบนซินจากสิงคโปร์ไปเม็กซิโก ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 35,000 เมตริกตัน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังรัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศขยายระยะเวลามาตรการลดภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงออกไปอีก 2 เดือน ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือน มิ.ย. 68 โดยตลาดคาดการณ์ว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นอุปสงค์น้ำมันในประเทศในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงถูกกดดันจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ไม่แน่นอน ส่งผลให้เกิดความกังวลต่อแนวโน้ม อุปสงค์น้ำมันในปีนี้
ข่าวเด่น