
คาด SET แกว่งตัวขึ้นตามทิศทางตลาดภูมิภาค นลท. คลายกังวลความตึงเครียดสหรัฐฯ-จีน หลัง ปธน. ทรัมป์ระบุภาษีขั้นสุดท้ายที่เรียกเก็บจากจีนจะไม่สูงถึง 145% รวมทั้งความคาดหวังทั้ง 2 ประเทศกลับมาเจรจา อย่างไรก็ตามมอง Upside ของ SET ยังจำกัด โดยยังต้องรอความชัดเจนถึงกำหนดการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯ อีกครั้ง ประเมินแนวรับที่ 1135-1130 จุด แนวต้านที่ 1155-1160 จุด
ประเด็นสำคัญ
• IMF ลด GDP โลกปี 2568 จาก 3.3% เหลือ 2.8% จากผลกระทบนโยบายภาษีสหรัฐ ส่วน GDP สหรัฐลดลงสู่ 1.8%, จีน 4.0%, ยุโรป 0.8% และไทย 1.8% ต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย
• รมต. คลังสหรัฐคาดความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะคลี่คลายลงในไม่ช้า เชื่อจะช่วยผ่อนคลายความกังวลให้ตลาดทั่วโลก
• สหรัฐออกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่โดยมุ่งเป้าไปที่เซเอ็ด อาซาดุลลาห์ เอมามจอเมห์ ซึ่งมีเครือข่ายขนส่งก๊าซ LPG และน้ำมันดิบอิหร่านหลายร้อยล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดีตลาดจับตาการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐและอิหร่านในวันที่ 26 เม.ย.
• นายกฯ สั่ง มหาดไทย, ตปท. และท่องเที่ยวฯ ศึกษาการปรับมาตรการฟรีวีซ่าให้พำนัก 60 และ 90 วัน หลังพบการทำงานแบบผิด กม. ประเมินว่าจะไม่กระทบต่อการเดินทางเข้าไทย โดยเฉลี่ย นทท. พำนักราว 10 วัน
• รมว. คลัง เผยสาเหตุการเลื่อนเจรจาเศรษฐกิจและการค้ากับสหรัฐฯ ออกไปเพื่อรอดูสถานการณ์และศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ และได้ส่งทีมล่วงหน้าไปร่วมทำงานกับคณะทำงานของสหรัฐฯ เพื่อปรับความเข้าใจให้ตรงกันก่อนการเจรจา
• รมช. คลังเผยเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 รับเงินหมื่นก่อนสิ้นเดือน มิ.ย. คาดบรรจุวาระเข้า ครม. พิจารณาภายใน 1-2 สัปดาห์นี้
• ส.อ.ท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม มี.ค. ลดลงสู่ 91.8 จากผลกระทบแผ่นดินไหวซึ่งทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัว, ภาคยานยนต์ชะลอตัว และกำแพงภาษีเหล็ก-อลูมิเนียมที่มีผลแล้ว ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวเริ่มชะลอตัว โดยเฉพาะจากจีนและมาเลเซีย
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET ยังแกว่งตัวผันผวนและการซื้อขายจะเป็นไปอย่างระมัดระวัง เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐที่มีต่อประเทศคู่ค้า รวมทั้งยังต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งหากสถานการณ์ยังยืดเยื้อและทวีความรุนแรงขึ้นจะส่งผลกดดันต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและบรรยากาศการลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ขณะที่ในประเทศมองยังไร้ปัจจัยบวกใหม่และอยู่ระหว่างจับตาการเข้าเจรจาทางการค้าของรัฐบาลไทยกับสหรัฐ ซึ่งคาดข้อสรุปอาจต้องใช้เวลา 2-3 เดือน ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มอง SET แกว่งตัวผันผวนและการซื้อขายยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง จากกังวลความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐ และรอติดตามการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีน กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีมหลัก และ 1 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต YoY 2) ฐานะการเงินแกร่ง และ 3) จ่ายปันผลสม่ำเสมอ คาดให้ Div. Yield อย่างน้อยปีละ 3% พบหุ้นน่าสนใจ SET50: ADVANC BBL BDMS CPALL PTT และ SET100: BCH BTG
2. หุ้น Undervalued ซึ่งปัจจุบันซื้อขายที่ PER และ PBV 68F ระดับต่ำกว่า -1SD และมี SET ESG Ratings ระดับ A-AAA ขณะที่ปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ดี YoY และมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง อีกทั้งมีศักยภาพจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2568 อย่างน้อยปีละ 3% แนะนำ BJC CPF AP HMPRO OR
3. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไรภายใต้สงครามการค้าที่มีท่าทีรุนแรงขึ้น แนะนำ หุ้นที่มีรายได้ภายในประเทศเป็นหลักซึ่งจะต้านทานความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ดีกว่า โดยเฉพาะหากสามารถกำหนดราคาและส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ อีกทั้งคาดจะได้ประโยชน์จากการปรับลงของราคาน้ำมันและดอกเบี้ย ได้แก่ BCH CPALL CPAXT GULF MTC OR และ TRUE ขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงกลุ่มที่ได้ผลกระทบทางตรงจากส่งออกไปสหรัฐ ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ยาง สินค้าเกษตร เครื่องประดับ และกลุ่มที่ได้ผลกระทบทางอ้อม ได้แก่ นิคม ท่องเที่ยว ธนาคาร
DAILY TOP PICKS
BTG: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากโมเมนตัมกำไรที่ยังแข็งแกร่ง โดย 1Q68 คาดมีกำไรปกติ 1.65 พันลบ. เทียบกับ -126 ลบ. ใน 1Q67 และ +73%QoQ และจะแข็งแกร่งต่อเนื่องใน 2Q68 (ทรงตัว/เพิ่มขึ้น QoQ และเพิ่มขึ้น YoY) จากราคาสุกรในประเทศที่สูงขึ้นท่ามกลางต้นทุนอาหารสัตว์ระดับต่ำใน 2Q68TD
CPALL: มองเป็นหุ้นปลอดภัยภายใต้ตลาดผันผวนและคาดเป็นหุ้นเป้าหมายของกองทุน ThaiESGX หลังมี SET ESG Ratings “AAA” อีกทั้ง Valuation น่าสนใจ โดยซื้อขาย PER 68F ที่ 15.7 เท่า (-2S.D. จากค่าเฉลี่ย 10 ปี) ขณะที่ 1Q68 คาดกำไรปกติเติบโต 12%YoY จากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น ส่วนปี 68 คาดกำไรเติบโต 15%YoY ดีสุดในกลุ่มพาณิชย์
ข่าวเด่น