คาด SET แกว่ง Sideways ในกรอบ ตลาดยังรอปัจจัยชี้นำใหม่ๆ ทั้งผลการประชุม กนง. ในวันพรุ่งนี้ รวมทั้งความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชีย ขณะที่การรายงานผลประกอบการ บจ. 1Q68 อาจสร้างความผันผวนให้กับตลาดได้เป็นระยะ ประเมินแนวรับที่ 1150-1145 จุด แนวต้านที่ 1170-1175 จุด
ประเด็นสำคัญ
• WorldBank ปรับลดคาดการณ์ขยายตัว GDP ปี 2568 ของไทยเหลือเพียง 1.6% จาก 2.9% กดดันจากนโยบายการค้าระหว่างประเทศที่มีความไม่แน่นอนสูงขึ้นซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการลงทุน
• Reuters เผยผลสำรวจชี้ว่า กนง. จะประกาศปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 25bps ในการประชุมวันที่ 30 เม.ย. นี้ เพื่อพยุงเศรษฐกิจไทย ขณะที่เงินเฟ้อยังอยู่ภายใต้การควบคุมและการขยายตัวเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าช่วยเปิดช่องให้ ธปท. ทำได้
• สศค. เผยภาวะเศรษฐกิจไทย มี.ค. ยังคงได้แรงสนับสนุนจากภาคการส่งออกที่เติบโตต่อเนื่อง 9 เดือน แต่การท่องเที่ยวต่างชาติและการบริโภคในหมวดสินค้าคงทนมีแนวโน้มชะลอตัวลง
• กระทรวงท่องเที่ยวฯ เผยยอดรายได้จาก นทท. ต่างชาติช่วง 3 เดือนแรกสูงขึ้น 10%YoY ตามจำนวน นทท. กลุ่ม High Spending และกลุ่มพำนักระยะยาว เช่น อินเดียและยุโรป แม้จำนวนโดยรวมลดลงจากจีน
• รมช. คมนาคมเผยความคืบหน้านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายว่าอยู่ระหว่างปรับปรุงรายละเอียดร่างพ.ร.บ. ให้ทันสมัย และจะนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนฯ ในวันที่ 28-30 พ.ค. นี้
• สมาคมทองคำจีน (CGA) เผย 1Q68 การบริโภคทองคำของจีนเพื่อเป็นเครื่องประดับลดลง 26.85%YoY ขณะที่การบริโภคเพื่อการลงทุนคงเติบโต 29.81%YoY ส่งผลให้การบริโภคโดยรวมลดลง 5.96%YoY
• ต.ล.ท. เตรียมขยายเวลาการซื้อขายสำหรับตลาด DR สำหรับตลาดในทวีปอเมริกาและยุโรปให้สามารถซื้อขายได้ทั้งในช่วงกลางวัน (10:00-16:30 น.) และกลางคืน (19:00-03.00 น.) เริ่มตั้งแต่วันที่ 6 พ.ค. นี้
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น จากความคาดหวังเชิงบวกที่มีต่อ 1) กนง. จะมีมติปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps และ 2) ปธน. ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐจะมีท่าทีผ่อนคลายลงเกี่ยวกับมาตรการภาษีนำเข้าสินค้า โดยเฉพาะกับจีน อีกทั้งยังมีความคืบหน้าการเจรจาการค้าอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ดี ความไม่ชัดเจนของนโยบายภาษีของสหรัฐที่มีต่อเศรษฐกิจโลก อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นที่มีต่อแนวโน้มการเติบโตของผลประกอบการในช่วง 2Q68 ส่งผลให้บรรยากาศลงทุนจะยังเป็นไปอย่างระมัดระวังและทำให้ SET ปรับขึ้นได้จำกัด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มอง SET มีโอกาสปรับขึ้นจากความคาดหวังที่มีต่อการประชุมของ กนง. ซึ่งอาจมีมติปรับลดดอกเบี้ยในวันพุธนี้ และการมีท่าทีผ่อนคลายลงเกี่ยวกับมาตรการภาษีนำเข้าสหรัฐของ ปธน. ทรัมป์ อย่างไรก็ดี ความไม่แน่นอนของนโบบายการค้าของสหรัฐยังทำให้ SET ปรับขึ้นได้จำกัด กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลัก และ 2 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Earnings Play ซึ่งโมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 1Q68-2Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ เลือก ADVANC TRUE BTG CPF CPALL
2. หุ้น Undervalued ซึ่งซื้อขาย PER และ PBV 68F ระดับต่ำกว่า -1SD ขณะที่ปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ดี YoY และมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง แนะนำ GULF MTC CBG SPRC
3. หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต YoY 2) ฐานะการเงินแกร่ง และ 3) จ่ายปันผลสม่ำเสมอ คาดให้ Div. Yield อย่างน้อยปีละ 3% พบหุ้นน่าสนใจ SET50: ADVANC BDMS CPALL PTT และ SET100: BCH BTG AP
4. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงแนะนำเก็งกำไร 1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกหาก กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แนะนำ กลุ่ม REITs (DIF), กลุ่มค้าปลีก (CPALL) กลุ่มอสังหาฯ (AP SIRI), กลุ่มเช่าซื้อ (MTC TIDLOR) และกลุ่มไฟฟ้า (GULF GPSC) และ 2) หุ้นปลอดภัยที่คาดต้านทานความเสี่ยงจากสงครามการค้าหากมีสัญญาณรุนแรงหรือยืดเยื้อมากขึ้น แนะนำ BCH CPALL GULF MTC OR และ TRUE
DAILY TOP PICKS
MTC: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากตลาดความคาดหวัง กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในการประชุมวันพุธนี้ ขณะที่ 1Q68 คาดกำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 2%QoQ และ 13%YoY ส่วนปี 2568 คาดกำไรเติบโต 16%YoY จากสินเชื่อที่เติบโตดี credit cost ที่ลดลง อีกทั้งมองเป็นหนึ่งในเป้าหมายกองทุน ThaiESGX จากมี SETESG rating ระดับ AAA
GULF: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจาก Bond Yield ที่ปรับลงและคาดเป็นหุ้นเป้าหมายของกองทุน ThaiESGX หลังมี SETESG Rating “AAA” ขณะที่ 1H68 คาดกำไรยังแข็งแกร่งจากขยายกำลังผลิต ส่วนการควบรวมกิจการกับ INTUCH ที่เสร็จสิ้นไปแล้วจะทำให้งบดุลบริษัทดีขึ้น เพิ่มศักยภาพในการกู้ยืม และช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยในระยะกลาง
ข่าวเด่น