(+) ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับเพิ่ม หลังตลาดกังวลผลการเจรจานิวเคลียร์ ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 68 ไม่เป็นผลสำเร็จ ซึ่งหากการเจรจายังคงล้มเหลวต่อไป นักวิเคราะห์คาดอาจจุดฉนวนให้อิสราเอลกลับมาโจมตีอิหร่านอีกครั้ง สร้างความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบโลกที่จะตึงตัวมากขึ้น
(+) Baker Hughes เผยจํานวนแท่นขุดเจาะนํ้ามันดิบสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 23 พ.ค. 68 ปรับลด 8 แท่นจากสัปดาห์ก่อน อยู่ที่ระดับ 465 แท่น ขณะที่แทนขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ ไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ที่ระดับ 98 แท่น ทั้งนี้จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบที่ลดลงจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันดิบตึงตัวมากขึ้นในอนาคตได้
(-) อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงจับตาความไม่แน่นอนของนโยบายกำแพงภาษีของสหรัฐฯ โดยล่าสุดสหรัฐฯ คาดจะตั้งกำแพงภาษีต่อยุโรปที่ระดับ 50% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มิ.ย. 68 ขณะที่ OPEC+ คาดจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ระดับ 0.411 ล้านบาร์เรลต่อวันอีกครั้ง เดือน ก.ค. 68 ส่งผลให้ตลาดน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตลาดคาดการณ์ ณ วันที่ 22 พ.ค. 68 ว่าพายุเฮอร์ริเคนจะมีความรุนแรงมากกว่าปกติ ส่งผลให้อุปทานน้ำมันเบนซินตึงตัวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สิงค์โปร์ส่งออกน้ำมันเบนซิน ประจำสัปดาห์ สิ้นสุด ณ วันที่ 21 พ.ค. 68 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.32 ล้านตัน และเป็นการเปลี่ยนจากนำเข้าน้ำมันเบนซินสุทธิ 0.09 ล้านตัน เป็นส่งออก น้ำมันเบนซินสุทธิ 0.84 ล้านตัน
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังสต็อคน้ำมันดีเซลสิงค์โปร์ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 22 พ.ค. 68 ปรับเพิ่มขึ้น 4.06% สู่ระดับ 10.3 ล้านบาร์เรล เป็นการปรับเป็นเป็นสัปดาห์ที่ 4 อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม อุปทานน้ำมันดีเซลตึงตัวจากโรงกลั่นในซาอุดิอาระเบียขนาด 0.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ปิดซ่อมบำรุงตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 68 ที่ผ่านมา เป็นเวลา 60 วัน
ข่าวเด่น