เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ที่ 1120/1095 ชะลอลงได้บ้าง"


คาดตลาดแกว่งลง แต่มีโอกาสชะลอการลงที่แนวรับ 1120/1095 เป็น Gap ที่เปิดไว้ ปกติจะมีช่วงชะลอการลงได้ ในขณะที่การฟื้นตัวมีแนวต้านที่ 1140/1145 ตลาดหุ้นไทยลงสวนทิศทางตลาดหุ้นเอเชียจากปัจจัยภายใน DELTA ที่ถูก Capped Weight ที่ 10%กดดัน ปัจจัยภายนอกเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเป็นความหวังแต่ไม่มีความคืบหน้า 

ประเด็นสำคัญ

• ADP รายงานการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเพียง 3.7 หมื่นตำแหน่ง ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 1.15 แสนตำแหน่ง และต่ำที่สุดในรอบกว่า 2 ปี

• ปธน. ทรัมป์เร่งประธานเฟดให้รีบลดอัตราดอกเบี้ยก่อนที่จะสายเกินไป ด้านพาวเวลล์ยืนยันดำเนินนโยบายตามข้อมูล ศก.

• รมช. คลังแถลงโครงการ Entertainment Complex คาดเม็ดเงินลงทุนอย่างน้อยระดับแสนลบ. คาดหนุน GDP 0.2-0.8% และหนุนจำนวน นทท. ต่างชาติ 5-20% และเพิ่มจำนวน นทท. ช่วงโลว์ซีซันราว 13% เราประเมินเป็นโครงการในระยะยาว ช่วยหนุนกลุ่มท่องเที่ยว

• คลังสรุป 7 รายชื่อผู้สมัครรับคัดเลือกผู้ว่าฯ ธปท. ต่อไปคลังจะดำเนินตรวจสอบข้อมูลและคุณสมบัติก่อนนำเสนอ คกก. คัดเลือกฯ ในวันที่ 20 มิ.ย. และจะเริ่มสัมภาษณ์และให้ผู้สมัครแสดงวิสัยทัศน์อย่างเร็วในวันที่ 24 มิ.ย. นี้ คาดจะรับทราบผู้สมควรถูกคัดเลือกในวันที่ 2 ก.ค. เพื่อนำเสนอ ครม. ต่อไป 

• กระทรวงท่องเที่ยวฯ เผยจำนวน นทท. ต่างชาติเดินทางเข้าไทยช่วง 5M68 ที่ 14,362,694 คน ลดลง 2.7%YoY แม้จำนวน นทท. จีนจะครองอันดับหนึ่งแต่ลดลง 32.7%YoY และเฉพาะ พ.ค. 2568 มีจำนวน 2,266,574 คน ลดลง 13.9%YoY จำนวน นทท. มาเลเซียขึ้นสู่อันดับหนึ่งแทนจีน

• EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในสัปดาห์ก่อนลดลง 4.3 ล้านบาร์เรล ลดลงต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ ส่วนสต็อกน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ ทั้งเบนซินที่เพิ่มขึ้น 5.2 ล้านบาร์เรล และดีเซลที่เพิ่มขึ้น 4.2 ล้านบาร์เรล

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัว Sideways โดยมี Upside จำกัดที่บริเวณ 1200+/- จากความผันผวนที่ยังคงมีอยู่จากกังวลความไม่แน่นอนของการดำเนินมาตรการภาษีของ ปธน. ทรัมป์ อย่างไรก็ดี เชื่อว่าช่วงต้น เม.ย. ที่ผ่านมาดัชนีได้ปรับลงใกล้ระดับวิกฤติ (Downside ที่ 1,032 จุด) ซึ่งสะท้อนผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งผ่านจุดแย่ที่สุดไปแล้ว ขณะที่ในประเทศคาดจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับการเมืองไทยมากขึ้นเพราะเมื่อจบการพิจารณางบประมาณส่วนใหญ่มักจะมีการปรับ ครม. ตามมา ซึ่งคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม ทั้งนี้เรายังคงมุมมองว่า หากดัชนีปรับตัวลงมาบริเวณ 1120-1100 ยังเป็นโอกาสทยอยซื้อสะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว กลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์

มอง SET มีโอกาสแกว่งตัว Sideways จากความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีทรัมป์ ขณะที่คาดว่าการเมืองในประเทศจะชัดเจนขึ้นหลังสิ้นสุดการพิจารณางบประมาณ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีม หลักและ 2 ธีม เทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1. หุ้น SET50 ที่มี SET ESG Ratings A ขึ้นไป พร้อมคาดให้ Div. Yield ตั้งแต่ 5% ขึ้นไป อีกทั้งเราแนะนำ Outperform แนะนำ PTT KTB BBL HMPRO

2. หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต YoY  2) ฐานะการเงินแกร่ง และ 3) จ่ายปันผลสม่ำเสมอ พบหุ้นน่าสนใจ SET50: ADVANC BDMS CPALL PTT และ SET100: BCH BTG AP

3. หุ้น Earnings Play ซึ่งโมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 2Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ เลือก ADVANC TRUE CPALL BTG CPF

4. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำและต้องการรอดูความชัดเจนของการดำเนินมาตรการภาษีของ ปธน. ทรัมป์ แนะนำหุ้นตั้งรับที่มีรายได้ในประเทศเป็นหลัก ได้แก่ BCH CPALL GULF MTC OR TRUE แต่นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไร โดยคาดหวังจะมีความคืบหน้าการเจรจาทางการค้า แนะนำหุ้นที่คาดจะฟื้นตัวได้เร็ว ได้แก่ AMATA AOT MINT PTT TU WHA

DAILY TOP PICKS

DIF: มองมีปัจจัยระยะสั้นจากการไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาด แนวโน้มใน 2Q68 คาดว่ากำไรปกติจะปรับตัวดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง คาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดีสูงถึง 11% ในปี 2568 และการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกใน 2H68 จะเป็นปัจจัยกระตุ้นได้ 

TRUE: มองราคาหุ้นมี Downside จำกัด และมีปัจจัยกระตุ้นจากภาษีการค้าสหรัฐฯ และโมเมนตัมกำไรยังแข็งแกร่ง 1Q68 เป็นไตรมาสแรกที่รายงานกำไรสุทธิเป็นบวกครั้งแรก และ 2Q68 กำไรมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อ อีกทั้งยังมี Upside จากประมูลคลื่นความถี่ที่กำลังจะเกิดขึ้นซึ่งยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 05 มิ.ย. 2568 เวลา : 09:49:49
11-07-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ July 11, 2025, 5:06 pm