ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2568 ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบที่ไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถยนต์ Formula1 ประจำปี 2571-2575 เป็นเวลา 5 ปี ภายใต้กรอบการดำเนินงานกว่า 41,000 ล้านบาท โดยนับเป็นเครื่องมือที่จะส่งเสริมประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของศูนย์กลางการแข่งขันกีฬาชั้นนำของโลก ส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งคาดว่าจะทำให้เงินสะพัดเข้าไทยกว่า 16,000 ล้านบาท
Formula1 หรือ F1 คือ การแข่งขันรถยนต์ชิงแชมป์โลก ที่ทรงเกียรติที่สุด และได้รับการรองรับจากสหพันธ์รถยนต์ระหว่างประเทศ (FIA) องค์กรกำกับดูแลกีฬามอเตอร์สปอร์ตระดับโลก โดยการแข่งขันจะอยู่ในรูปแบบที่เรียกว่า “Grand Prix” คือ แข่งขันแบบหลายรอบ หลายสนามตามประเทศต่าง ๆ ที่ได้รับสิทธิ์การจัดการแข่งขัน เพื่อเก็บคะแนนสะสมหาผู้ชนะในปีนั้น ๆ ซึ่งทางรัฐบาลไทยมีนโยบายผลักดันให้ประเทศไทยเป็น “World Class Event Hub” ผ่านการดึงงานเวิลด์อีเวนต์เข้ามาจัดงานในประเทศ F1 จึงเป็นอีกหนึ่งอีเวนต์ใหญ่ที่จะดึงดูดคนที่ชื่นชอบการแข่งขันรถได้จากทั่วทุกมุมโลก และก่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกแก่เศรษฐกิจไทย พร้อมกับส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีต่อการจัดงานระดับนานาชาติ
ซึ่งทางด้าน ครม.มีมติเห็นชอบให้จัดการแข่งขันจะมีทั้งหมดเป็นเวลา 3 วันต่อปี ระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2571-2575 มีพื้นที่หลักจะอยู่บริเวณสวนจตุจักร ประกอบด้วย สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ พื้นที่ 800 ไร่ สถานีขนส่งหมอชิต 2 พื้นที่ 100 ไร่ พื้นที่ใกล้เคียงตลาดนัดจตุจักร พื้นที่ 240 ไร่ และสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พื้นที่ 163 ไร่ และพื้นที่หลังสำนักงานใหญ่บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) และการรถไฟแห่งประเทศไทย รวม 2,000 ไร่ โดยดำเนินงานในกรอบงบประมาณ 41,379 ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณประจำปีรวม 39,653 ล้านบาท และงบกลาง 1,726 ล้านบาท
สำหรับผลดีในเชิงเศรษฐกิจจากการจัดงานดังกล่าว คาดว่าจะมีผู้ชมการแข่งขัน 99,875 คนต่อวัน รวม 3 วัน จะมีทั้งสิ้น 299,625 คนต่อปี (แบ่งออกเป็นคนไทย 70% และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 30%) อีกทั้งคาดว่าจะกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับธุรกิจในประเทศที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และบริการขนส่ง โดยมีเม็ดเงินสะพัดทางเศรษฐกิจระหว่างการแข่งขันเฉลี่ยอยู่ที่ 16,000 ล้านบาทต่อปี สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 14,000 ล้านบาท สร้างรายได้จากการจัดเก็บภาษีภาครัฐเฉลี่ย 1,400 ล้านบาทต่อปี เกิดการลงทุนใหม่เฉลี่ย 7,000 ล้านบาทต่อปี และสร้างงานใหม่ภายในประเทศประมาณปีละ 8,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ ยังเป็นตัวเร่งให้เกิดการพัฒนาเมือง การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสการจ้างงาน เกิดการกระจายรายได้ทั่วภูมิภาค อีกทั้งยังส่งเสริม Soft Power ของไทยอีกด้วย ซึ่งอ้างอิงจากประเทศที่เคยเป็นเจ้าภาพจัดงาน F1 บ่งชี้ว่า การจัดงานดังกล่าว สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างมีนัยสำคัญ โดยข้อมูลจาก World Tourism Forum Institute (WTFI) 2025 ระบุว่า การจัดงาน F1 ในแต่ละครั้ง สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้หลายหมื่นคน จึงกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับการทำการตลาดการท่องเที่ยว เช่น การแข่งขันฟอร์มูลาวันชิงแชมป์โลก Singapore Grand Prix 2023 ที่ดึงดูดผู้ชมได้กว่า 250,000 คนมากกว่า 40% เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือจะเป็นที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ที่ติดอันดับ 1 ในงานกีฬาชั้นนำของประเทศมาโดยตลอด โดยมีส่วนทำให้การเข้าพักในโรงแรมในช่วงสัปดาห์ที่มีการแข่งขัน มีการเข้าพักมากกว่า 1,500,000 คืน เป็นตัวชี้วัดการท่องเที่ยวและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากงานนี้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม การจัดงาน F1 ในประเทศไทยถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทย เนื่องจากต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก และสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองในเวลานี้ อาจส่งผลกระทบต่อ พ.ร.บ. งบประมาณ และความเสี่ยงต่อการใช้งบประมาณที่ ครม. เคาะออกมาแล้ว ซึ่งอาจทำให้การจัดทำและอนุมัติ พ.ร.บ.งบประมาณล่าช้า หรืออาจมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเนื้อหาได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ หากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างรุนแรง อาจส่งผลให้โครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณถูกยกเลิกหรือชะลอออกไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการจัดงาน F1 ที่วางแผนไว้
ข่าวเด่น