
เลขาธิการ สทนช. ลงพื้นที่สกลนคร-นครพนม ติดตามมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 68 ในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมประสาน MRCS ติดตามระดับน้ำแม่น้ำโขงล้นตลิ่งช่วง ก.ค.-ส.ค.นี้ กำชับหน่วยงานเร่งปรับแผนการระบายน้ำ “หนองหาร-อ่างเก็บน้ำน้ำอูน” ให้สอดคล้องสถานการณ์ เพิ่มพื้นที่รองรับฝนตกหนักสะสม ย้ำพื้นที่ท้ายน้ำต้องได้รับผลกระทบน้อยที่สุด


วันนี้ (24 มิถุนายน 2568) ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดสกลนคร โดยมี นายชูศักดิ์ รู้ยิ่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ศาลากลางจังหวัดสกลนคร อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร หลังจากนั้น ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำหนองหารและพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย ณ ประตูระบายน้ำสุรัสวดี อำเภอโพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร ต่อจากนั้น ในช่วงบ่าย เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดนครพนม ณ ศาลากลางจังหวัดนครพนม อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม โดยมี ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม พร้อมลงสำรวจพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยบริเวณลานพญาศรีสัตตนาคราช อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม


เลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เป็นการติดตามมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 ในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ สืบเนื่องจากข้อห่วงใยของรัฐบาล โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในการประชุมผู้บริหารระดับสูงหรือเทียบเท่า ที่ได้มีการหยิบยกประเด็นสถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขงที่มีโอกาสเสี่ยงน้ำล้นตลิ่งในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้ ทั้งนี้ สทนช. ในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ได้ติดตามและประสานงานกับสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRCS) ในการประเมินสถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขง คาดว่าช่วงประมาณกลางเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป ระดับน้ำในแม่น้ำโขงจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องและล้นตลิ่งกระทบบริเวณ 4 จังหวัดของประเทศไทย ตั้งแต่จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ นครพนม และมุกดาหาร สำหรับจังหวัดสกลนครแม้ว่าจะไม่มีพื้นที่ติดริมแม่น้ำโขง แต่เป็นพื้นที่ต้นน้ำของจังหวัดนครพนม หากมีฝนตกหนักสะสมจนเกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ จะทำให้การระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขงทำได้ยาก ส่งผลต่อการบริหารจัดการน้ำโดยรวม

ในส่วนของจังหวัดสกลนคร สทนช. ได้บูรณาการร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) คาดการณ์ปริมาณฝน ONE MAP พบว่า ช่วงเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป มีแนวโน้มปริมาณฝนตกสะสมจำนวนมาก ประกอบกับปัจจุบันอ่างเก็บน้ำในพื้นที่มีปริมาณน้ำค่อนข้างมาก โดยเฉพาะหนองหาร มีปริมาตรน้ำเกือบเต็มความจุ อยู่ที่ 260.59 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 98% ของความจุเก็บกัก ส่วนอ่างเก็บน้ำน้ำอูน มีปริมาตรน้ำอยู่ที่ 289.83 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 56% ซึ่งผลการระบายน้ำสะสมน้อยกว่าแผนระบายน้ำฯ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเห็นชอบ รวมทั้งพิจารณาปรับแผนการระบายน้ำของอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดเล็กหลายแห่งในพื้นที่อยู่ในเกณฑ์ปริมาณน้ำมากกว่า 80% ของความจุเก็บกัก ดังนั้น จังหวัดสกลนครจึงมีความจำเป็นต้องเร่งพร่องน้ำออกจากหนองหาร อ่างเก็บน้ำน้ำอูน และแหล่งน้ำต่างๆ ให้ได้มากที่สุด เพื่อเพิ่มพื้นที่รองรับปริมาณน้ำในช่วงฝนตกชุก และต้องบริหารจัดการน้ำอย่างรัดกุม เพื่อไม่ให้การระบายน้ำส่งผลต่อการเพิ่มระดับน้ำในลำน้ำ รวมทั้งเมื่อเข้าสู่ฤดูแล้งถัดไป แหล่งน้ำต่างๆ จะต้องกักเก็บน้ำไว้ให้มากที่สุดเพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำสำรองได้อย่างเพียงพอตลอดช่วงฤดูแล้งด้วย


สำหรับจังหวัดนครพนม ภาพรวมสถานการณ์น้ำในพื้นที่ทั้งอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดเล็ก จำนวน 1,461 แห่ง ปัจจุบันมีปริมาตรน้ำรวมอยู่ที่ 86.76 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 67% ของความจุเก็บกัก ซึ่งมากกว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 โดยมีอ่างเก็บน้ำขนาดกลางคือ อ่างเก็บน้ำห้วยหินชะแนน ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์มากกว่า 80% ของความจุเก็บกัก จึงต้องมีการเฝ้าระวังและปรับแผนการระบายให้สอดคล้องกับสถานการณ์เช่นกัน และในวันนี้ ยังได้กำชับให้จังหวัดนครพนมเตรียมความพร้อม โดยการเร่งสำรวจและจัดทำบัญชีรายชื่อกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ เด็ก และคนพิการ
ในกรณีที่เกิดสถานการณ์อุทกภัยจะดำเนินการเร่งเคลื่อนย้ายกลุ่มเสี่ยงออกจากพื้นที่ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวหรือพื้นที่ปลอดภัยก่อน รวมทั้งสำรวจพื้นที่เปราะบาง เช่น จุดสูบน้ำสำหรับผลิตน้ำประปา โรงพยาบาล เป็นต้น ควรมีการป้องกันจัดวางกระสอบทรายให้ได้มาตรฐานเพื่อการป้องกันที่เหมาะสม ทั้งนี้ หน่วยงานต่างๆ ของทั้งสองจังหวัดได้มีการเตรียมความพร้อมรับมือฤดูฝนปีนี้อย่างครอบคลุมแล้ว ทั้งการซักซ้อมทำความเข้าใจกับประชาชนให้รับทราบสถานการณ์ การสำรวจและติดตั้งเครื่องสูบน้ำประจำพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและจัดวางกระสอบทรายเสริมตลอดแนว ในการนี้ ได้กำชับให้กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำและท้องถิ่น ดำเนินการปรับแผนการระบายน้ำในแหล่งน้ำที่อยู่ในความรับผิดชอบให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์จริง ซึ่งหากเร่งระบายน้ำจำนวนมากในช่วงเวลาเดียวกันอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนประชาชนบริเวณพื้นที่ท้ายน้ำ จึงต้องเร่งทบทวนปรับแผนการระบายน้ำให้รอบคอบเพื่อให้พื้นที่ท้ายน้ำได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

“สทนช. ได้มีการเจรจาหารือร่วมกับ สปป.ลาว โดยสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRCS) เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อการเจรจาในการคาดการณ์สถานการณ์ฝนและปริมาณน้ำที่จะไหลลงสู่แม่น้ำโขง รวมทั้งแนวทางการบริหารจัดการน้ำร่วมกัน เพื่อลดระดับน้ำล้นตลิ่งริมแม่น้ำโขง ให้ได้มากที่สุด โดยจะมีการประชุมหารืออีกครั้งในวันที่ 11 กรกฎาคม 2568 ซึ่งจะได้ข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้นว่า สถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำโขงจะล้นตลิ่งแม่น้ำโขงเท่าใดและกระทบพื้นที่บริเวณใดบ้าง
ทั้งนี้ สทนช. จะรีบประสานแจ้งให้จังหวัดที่ได้รับผลกระทบได้รับทราบข้อมูลเพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์อย่างทันท่วงทีและแจ้งเตือนประชาชนให้รับทราบต่อไป นอกจากนี้ สทนช. ได้เตรียมตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อบริหารจัดการน้ำในรูปแบบบูรณาการร่วมกันในพื้นที่เสี่ยงทั้ง 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร และสกลนคร ให้สามารถบริหารจัดการน้ำและรับมือฤดูฝนนี้ได้อย่างมีเอกภาพและมีประสิทธิภาพสูงสุด” เลขาธิการ สทนช. กล่าว
ข่าวเด่น