รอกันมาสักพักใหญ่สำหรับ Virtual Bank หรือ ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา ที่ธุรกรรมทางการเงินทั้งหมด จะให้บริการผ่านช่องทางดิจิทัล 100% โดยหลังจากที่ทางกระทรวงการคลังพิจารณาคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมจากผู้สมัครทั้งหมด 5 รายด้วยกันตั้งแต่เดือน มี.ค. ปีที่แล้ว ล่าสุดทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศรายชื่อผู้ได้รับความเห็นชอบจำนวน 3 รายเป็นที่เรียบร้อย โดยมีกรอบการเตรียมความพร้อมและเปิดดำเนินกิจการภายใน 1 ปีนับจากนี้
อ้างอิงจากทาง ธปท.วันที่ 19 มิ.ย. 2568 ได้ประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้จัดตั้ง Virtual Bank 3 รายด้วยกัน ได้แก่
1.บริษัท เอซีเอ็ม โฮลดิ้ง จำกัด และกลุ่มผู้ร่วมขออนุญาต
2.ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
3.บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX ที่ร่วมกับ WeTechnology Limited, KakaoBank Corp. และกลุ่มผู้ร่วมขออนุญาต
ซึ่งจะเห็นได้ว่า ผู้ที่จะเข้ามาประกอบกิจการ Virtual Bank เป็นทั้งธนาคารพาณิชย์และผู้ที่ไม่ได้ประกอบธุรกิจทางการเงินมาก่อน แต่ความน่าสนใจ คือ การจับมือร่วมกันระหว่างภาคธุรกิจที่มีฐานข้อมูลลูกค้าจำนวนมากกับธนาคาร เช่น ธนาคารกรุงไทยผนึกกำลังกับ AIS และ OR ของปตท. นับเป็นการสร้าง Ecosystem ที่แข็งแรงมาก ซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับ Data ที่หลากหลายเพื่อการบริการลูกค้าที่ครอบคลุมมากขึ้น หรือทาง SCBX ที่ร่วมเป็น พาร์ทเนอร์กับ KakaoBank จากเกาหลีใต้ ที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำ Virtual Bank อยู่แล้ว ก็จะมีแต้มต่อในประสบการณ์การทำธุรกิจ ที่พัฒนาโมเดลการให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยประโยชน์ของการจัดตั้ง Virtual Bank จากทีมผู้ให้บริการดังกล่าว จะช่วยพัฒนานวัตกรรมกรรมการเงินในระบบธนาคารไทย ที่ตอบสนองความต้องการอันหลากหลายของผู้ใช้บริการทางการเงินแต่ละกลุ่มได้มากขึ้น โดยเฉพาะรายย่อย อย่างธุรกิจขนาดกลางและ SMEs เพราะโดยคอนเซ็ปต์ของ Virtual Bank คือ การมอบบริการทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัลล้วน ๆ ตั้งแต่การเปิดบัญชี ขออนุมัติสินเชื่อ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่าง ๆ ล้วนเกิดขึ้นผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟนของเราเอง ไม่ต้องไปทำธุรกรรมที่ธนาคารปกติอีกต่อไป
นอกจากนี้ ด้วยศักยภาพของ Virtual Bank ที่รันระบบด้วยโมเดลการวิเคราะห์ข้อมูลด้วย AI และมีฐานข้อมูลที่เป็น Alternative Data จากการร่วมมือกันของบริษัทข้างต้น ทำให้ธนาคารรูปแบบใหม่นี้จึงสามารถตอบโจทย์เรื่องผลิตภัณฑ์การเงินที่หลากหลาย และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ และคุณสมบัติของลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ดังนั้นในเหล่า SMEs และลูกค้ารายย่อย จะสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่ตรงกับความต้องการเฉพาะของตัวเอง สามารถขอสินเชื่อและได้รับการอนุมัติสินเชื่ออย่างรวดเร็ว สามารถเชื่อมบัญชีเงินฝากที่เปิดในนี้เข้ากับระบบทำบัญชีทางออนไลน์ได้ และจากการดำเนินงานทั้งหมด ที่ไม่ต้องรองรับค่าใช้จ่ายจากการบริหารสาขา ทำให้ต้นทุนของธนาคารเสมือนจริงนี้ มีต้นทุนที่ต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์แบบเดิมมาก ฉะนั้นผลพลอยได้อย่างดอกเบี้ยเงินฝากก็จะได้รับสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากทั่วไป เก็บค่าธรรมเนียมการให้บริการที่ถูกกว่า และยังมีทุนที่เอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรมและบริการทางการเงินในรูปแบบใหม่ๆ ที่หลากหลายกว่าเก่า สอดรับตามความต้องการของลูกค้า อันเป็นการสร้างเสริมประสบการณ์และนำส่งผลิตภัณฑ์การเงินเสริมแบบใหม่ๆ ที่ทำให้การบริหารการเงินของลูกค้าและระบบสถาบันการเงินมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
โดยทางศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในช่วง 3 ปีแรกจะเห็นภาพการเร่งสร้างฐานลูกค้าด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากเป็นหลัก โดยเฉพาะนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์เงินฝากที่ตอบโจทย์เฉพาะรายบุคคลและอาจให้ดอกเบี้ยที่สูงกว่าธนาคารพาณิชย์ทั่วไปเล็กน้อย และตามมาด้วยการให้บริการผลิตภัณฑ์สินเชื่อและผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เสริมสร้างความสามารถในการหารายได้ให้แก่ธนาคาร อย่างไรก็ดี หลังจากที่ Virtual Bank ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบอาจมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น
ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังข้างต้นทั้ง 3 ราย จะต้องดำเนินการจัดตั้ง “บริษัท มหาชน จำกัด”และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนด รวมถึงผ่านการประเมินความพร้อมจาก ธปท. ก่อนยื่นขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ Virtual Bank ได้จริงอย่างเป็นทางการ จากนั้นต้องเปิดดำเนินการภายใน 1 ปี นับแต่วันที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบ ซึ่งคาดว่าเราก็คงจะได้ใช้บริการธนาคารในรูปแบบใหม่อย่างเร็วที่สุดภายในเดือน มิ.ย. ของปีหน้าที่จะถึงนี้
ข่าวเด่น