
“เศรษฐกิจภูมิภาคเดือนมิถุนายน 2568 มีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชน โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ กทม. และปริมณฑลเช่นเดียวกับเงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการที่ขยายตัวในทุกภูมิภาค ยกเว้นภาคตะวันออก”
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนมิถุนายน 2568 ว่า “เศรษฐกิจภูมิภาคเดือนมิถุนายน 2568 มีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชน โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ กทม. และปริมณฑล เช่นเดียวกับเงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการที่ขยายตัวในทุกภูมิภาค ยกเว้นภาคตะวันออก” โดยมีรายละเอียดดังนี้
เศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือในเดือนมิถุนายน 2568 มีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชน การท่องเที่ยว และเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการที่ขยายตัว อีกทั้งดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ร้อยละ 9.8 12.6 และ 3.2 ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่รายได้เกษตรกรหดตัวที่ร้อยละ -14.8 ต่อปี แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 55.8 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 57.1 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -12.8 และ -10.0 ต่อปี ตามลำดับ แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 29.6 และ 129.2 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ตามลำดับ ทั้งนี้ เงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัวที่ร้อยละ 12.4 ต่อปี โดยเป็นการลงทุนในโรงงานผลิตยางแท่งเอสทีอาร์ 20 ยางผสม ยางเครปในจังหวัดสกลนคร เป็นสำคัญ ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 69.5 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 68.0 เครื่องชี้ภาคการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ร้อยละ 10.5 และ 10.3 ต่อปี ตามลำดับ
เศรษฐกิจ กทม. และปริมณฑล ในเดือนมิถุนายน 2568 มีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชน และเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการที่ขยายตัว โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ร้อยละ 10.9 3.7 และ 8.7 ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่รายได้เกษตรกรหดตัวที่ร้อยละ -2.8 ต่อปี แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 0.9 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 51.6 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 53.2 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -9.0 และ -2.3 ต่อปี ตามลำดับ แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 26.1 และ 71.8 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ตามลำดับ ทั้งนี้ เงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัวที่ร้อยละ 191.9 ต่อปี โดยเป็นการลงทุนในโรงงานห้องเย็น ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร เป็นสำคัญ ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 94.0 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 95.0 เครื่องชี้ภาคการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนหดตัวที่ร้อยละ -5.6 และ -11.3 ต่อปี ตามลำดับ
เศรษฐกิจภาคเหนือในเดือนมิถุนายน 2568 มีปัจจัยสนับสนุนจากการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภค การท่องเที่ยว และเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการที่ขยายตัว โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ และจำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ร้อยละ 7.0 และ 7.2 ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่จำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรหดตัวที่ร้อยละ -1.7 และ -6.3 ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 53.2 ลดลงจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ระดับ 54.6 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -14.5 และ -13.2 ต่อปี ตามลำดับ แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 17.5 และ 65.7 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ตามลำดับ ทั้งนี้ เงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัวที่ร้อยละ 65.5 ต่อปี โดยเป็นการลงทุนในโรงงานผลิตน้ำดื่มบรรจุขวดและขวดบรรจุภัณฑ์จากพลาสติกในจังหวัดลำปาง เป็นสำคัญ ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 86.8 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 88.2 เครื่องชี้ภาคการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ร้อยละ 3.9 และ 4.0 ต่อปี ตามลำดับ
เศรษฐกิจภาคใต้ในเดือนมิถุนายน 2568 มีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชน และเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการที่ขยายตัว อีกทั้งดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ร้อยละ 3.3 16.4 และ 2.8 ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่รายได้เกษตรกรหดตัวที่ร้อยละ -12.8 ต่อปี แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 3.3 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 51.4 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 52.8 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ร้อยละ 7.6 ต่อปี ขณะที่จำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -16.6 ต่อปี แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 19.2 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ทั้งนี้ เงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัวที่ร้อยละ 366.4 ต่อปี โดยเป็นการลงทุนในโรงงานผลิตแปรรูปน้ำยางข้น ยางสกิมบล็อกในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นสำคัญ ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 82.8 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 81.3 เครื่องชี้ภาคการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนหดตัวที่ร้อยละ -1.2 และ -1.7 ต่อปี ตามลำดับ
เศรษฐกิจภาคกลางในเดือนมิถุนายน 2568 มีปัจจัยสนับสนุนจากการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภค และเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการที่ขยายตัว โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ และจำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ร้อยละ 1.4 และ 8.3 ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่จำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -9.4 ต่อปี แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 2.5 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล อย่างไรก็ตาม รายได้เกษตรกรหดตัวที่ร้อยละ -4.6 ต่อปี ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 51.9 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 53.4 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -10.7 และ -12.9 ต่อปี ตามลำดับ แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 46.0 และ 226.7 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ตามลำดับ ทั้งนี้ เงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัวที่ร้อยละ 370.4 ต่อปี โดยเป็นการลงทุนในโรงงานผลิตแผ่นวงจรพิมพ์ ผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์โมดูล ชุดแผ่นวงจรพิมพ์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นสำคัญ ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 94.0 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 95.0 เครื่องชี้ภาคการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนหดตัวที่ร้อยละ -0.5 และ -1.9 ต่อปี ตามลำดับ
เศรษฐกิจภาคตะวันตกในเดือนมิถุนายน 2568 มีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทน และเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการที่ขยายตัว โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ร้อยละ 8.1 และ 5.2 ต่อปี ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ และรายได้เกษตรกรหดตัวที่ร้อยละ -2.9 และ -6.6 ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 51.9 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 53.4 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ร้อยละ 2.2 ต่อปี ขณะที่จำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -1.8 ต่อปี แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 266.5 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ทั้งนี้ เงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัวที่ร้อยละ 988.9 ต่อปี โดยเป็นการลงทุนในโรงงานผลิต ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในจังหวัดเพชรบุรี เป็นสำคัญ ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 94.0 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 95.0 เครื่องชี้ภาคการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนหดตัวที่ร้อยละ -3.2 ต่อปี แต่รายได้จากผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ร้อยละ 0.4 ต่อปี
เศรษฐกิจภาคตะวันออกในเดือนมิถุนายน 2568 สะท้อนจากการลงทุนภาคเอกชน และการท่องเที่ยวที่หดตัว โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรขยายตัวที่ร้อยละ 6.0 และ 7.8 ต่อปี ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -5.6 และ -0.1 ต่อปี ตามลำดับ ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 55.1 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 56.7 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ร้อยละ -25.5 และ -7.1 ต่อปี ตามลำดับ แต่ขยายตัวที่ร้อยละ 48.8 และ 101.0 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ตามลำดับ ทั้งนี้ เงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการหดตัว ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 91.2 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 92.1 เครื่องชี้ภาคการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนหดตัวที่ร้อยละ -2.8 และ -9.5 ต่อปี ตามลำดับ
ข่าวเด่น