แบงก์-นอนแบงก์
BAM ตั้งเป้าครึ่งปีหลังประมูลทรัพย์ 3 หมื่นล้าน ปรับเกมรุกครึ่งหลังลุยธุรกิจเต็มสูบ โชว์ครึ่งปีแรก กวาดกำไร 1,511 ล้านบาท


 

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังปี 2568 นี้ BAM เตรียมประมูลทรัพย์อีกประมาณ 3 หมื่นล้านบาท เพราะคาดว่ากลุ่มสถาบันการเงินจะนำทรัพย์ออกมาประมูลขายมูลค่ารวมประมาณกว่า 200,000 ล้านบาท โดยคาดว่าการประมูลครั้งนี้ BAM น่าจะได้ทรัพย์ที่ประมูลได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท 

 
สำหรับเงินที่เตรียมเข้าซื้อทรัพย์ในปีนี้ที่ตั้งเป้าไว้ 8,800 ล้านบาท ครึ่งปีแรกใช้ไปแล้วไม่ถึง 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้การเข้าซื้อทรัพย์จะเน้นการพิจารณาเลือกซื้อที่มากขึ้น โดยจะพิจารณาในกลุ่มหนี้ขององค์กร, กลุ่ม SMEs และที่อยู่อาศัย 

 
"จริงๆ แล้วเราเตรียมเงินไว้มากกว่านี้ได้ 8,800 ล้านบาท เพียงแต่ผู้ขายจะยอมขายสินทรัพย์ในราคาที่เราอยากซื้อหรือไม่ เพราะดีมานด์ปีนี้น่าจะมากกว่าปีที่แล้ว สินทรัพย์ที่สถาบันจะนำออกมาขายในช่วงครึ่งปีหลังนี้คาดว่าจะเกือบ 2 แสนล้านบาท ซึ่งมากกว่าปีก่อนที่ประมาณ 1.4-1.5 แสนล้านบาท โดยเราอยากเลือกซื้อมากขึ้น แต่ต้องเป็นสเป็กที่เราอยากได้ด้วย ไม่ใช่การเข้าซื้อแบบ 360 องศา เพื่อให้เวลาถือครองสินทรัพย์จากเดิม 8 ปี เหลือการถือครองไม่เกิน 4 ปีครึ่ง และเราอยากโฟกัสที่ หนี้เป็น มากกว่า หนี้ตาย เราอยากให้โอกาสคนมากกว่า" ดร.รักษ์กล่าว

 
ดร.รักษ์ กล่าวต่อถึงผลการดำเนินงานครึ่งแรกปี 2568 ว่า โดยภาพรวมเป็นที่น่าพอใจ สามารถสร้างผลเรียกเก็บได้สูงถึง 10,154 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 7,493 ล้านบาท หรือโตถึง 36% ขณะที่ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ มีผลเรียกเก็บ 6,962 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก ที่มีผลเรียกเก็บ 3,192 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นมากถึง 118% และมีกำไร 1,511 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 880 ล้านบาท ซึ่งผลงานทางด้าน NPL ยังใช้แนวทางที่ให้โอกาสลูกหนี้ในการได้หลักประกันซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยหรือที่ทำกินกลับคืนไปด้วยเงื่อนไขที่ผ่อนปรน และมุ่งช่วยเหลือลูกหนี้ให้สามารถฟื้นฟูกิจการหรือสถานะทางการเงินของตน โดยปรับโครงสร้างหนี้และหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกัน ด้วยกระบวนการ Recycling Machine ซึ่งมีเป้าหมายในการเร่งสร้างโรงงานแก้หนี้ (TDR Factory) เพื่อฟื้นฟูให้ลูกหนี้กลับมามีสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้น ซึ่ง BAM สามารถสร้างรายได้จากการปรับโครงสร้างหนี้ NPL ลูกหนี้รายใหญ่รายหนึ่งได้ข้อยุติถึง 2,800 ล้านบาท
 
 
ขณะที่การบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย หรือ NPA เดินหน้ากลยุทธ์พันธมิตรทางธุรกิจ (NPA Partnership) ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญที่มุ่งขยายฐานธุรกิจและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ผ่านความร่วมมือกับบริษัทพันธมิตรที่มีศักยภาพ อาทิ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ บริษัท วี บียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) และบริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารยูโอบี ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดย BAM มุ่งเน้นการคัดสรรและนำเสนอทรัพย์ NPA ขนาด Big Lots ให้พันธมิตรนำไปพัฒนาและเพิ่มมูลค่า ทั้งบ้านเดี่ยว อาคารพาณิชย์ คอนโดมิเนียม และที่ดินเปล่า เพื่อพลิก “ทรัพย์ร้าง” ให้กลายเป็น “ทรัพย์สร้างกำไร” ต่อยอดเป็นทรัพย์สินที่สร้างรายได้ให้กับ BAM อย่างต่อเนื่อง ลดระยะเวลาการถือครอง และสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาว โดย BAM สามารถสร้างยอดขายจากการจำหน่ายทรัพย์แปลงใหญ่ได้ถึง 1,450 ล้านบาท ซึ่งทรัพย์ดังกล่าวเป็นที่ดินเปล่าจำนวน 50 แปลง ตั้งอยู่ที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่รวม 26-3-37.40 ไร่
 
 
 
ดร.รักษ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 2568 BAM ยังคงเดินหน้าด้วยกลยุทธ์เชิงรุกทั้งด้าน NPL/NPA ด้วยแนวทาง Stronger Together โดยการเปลี่ยน Model “ปู่โสมเฝ้าทรัพย์” มาสู่ Model ธุรกิจใหม่ ภายใต้แนวคิด “Opportunities for All” ที่ให้โอกาสลูกหนี้ NPL พลิกฟื้นกลับมาเป็นลูกหนี้ Reperforming Loan (RPL) ด้วยกลยุทธ์ TDR Factory และโครงการ FA Center รวมทั้งได้มีการหารือเบื้องต้นกับบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) และธนาคารแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับแนวทางการกำหนดรหัสใหม่ให้กับลูกหนี้ผ่อนชำระดีต่อเนื่อง ซึ่ง BAM จะเดินหน้าประสานงานรวมถึงหาพันธมิตรธนาคารที่จะเข้ามาช่วยลูกหนี้กลุ่มนี้ของ BAM ขณะเดียวกัน BAM ยังมีหน้าที่ในการช่วยกลั่นกรองและปรับสภาพหนี้ (Buffer) ของลูกหนี้ เพื่อเป็นการลดภาะหนี้ของสถาบันการเงิน และจะช่วยให้สถาบันการเงินสามารถปล่อยสินเชื่อออกมาได้มากขึ้น ส่วนทางด้าน NPA ยังเดินหน้าความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรที่เป็น Developers ทั้งขนาด S M L ในรูปแบบ Model ที่ Developers จะเข้ามา flipping และขายให้กลุ่มลูกค้าของตนเอง
 
 
 
สำหรับทิศทางตลาดบ้านมือสอง ดร.รักษ์ กล่าวว่า มีแนวโน้มดีขึ้น โดยเห็นสัญญาณจากสถาบันการเงินเริ่มปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยบ้านมือสองมีสัดส่วนที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับบ้านใหม่ นอกจากนี้ BAM เตรียมเปิดตัวโครงการ “ทรัพย์มหาชน” สำหรับผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยราคาไม่แพง สามารถผ่อนชำระกับ BAM โดยตรง หรือผ่อนชำระกับสถาบันการเงินพันธมิตรที่ปล่อยสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษให้กับลูกค้าที่ซื้อทรัพย์ BAM ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวไม่เพียงช่วยให้ BAM ยืนหยัดได้ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูง แต่ยังแปรเปลี่ยนวิกฤตให้กลายเป็นโอกาสที่จะสร้างการเติบโตให้กับ BAM พร้อมนำไปสู่เป้าหมายผลเรียกเก็บตามที่ตั้งไว้ 17,800 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 10,154 ล้านบาท โดยปัจจุบัน BAM มี NPL ที่อยู่ในความดูแล 91,009 ราย คิดเป็นภาระหนี้เงินต้น 487,117 ล้านบาท และ NPA จำนวน 28,043 รายการ คิดเป็นราคาประเมิน 77,812 ล้านบาท โดยอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) ปีนี้ คาดจะขยับเพิ่มขึ้นเป็น 4.45% จากครึ่งปีแรก 4.39% และคาดว่าอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น Return On Equity (ROE) ปีนี้แตะ 5.12% จากครึ่งปีแรก 5.07%

 
“ BAM มีแผนจะขายสินทรัพย์ให้กับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายเดิม (Branded Properties Developer) ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจา โดยประเภทอสังหาริมทรัพย์กลุ่มแรกที่พิจารณาขาย คือ คอนโดมิเนียม คาดว่าจะปิดดีลแรกได้ 200 ยูนิต มูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท ในเดือน ก.ย.นี้ คิดเป็น 3% ของพอร์ตรวม ที่ BAM มีสินทรัพย์ในพอร์ตรวมประมาณ 25,000 ยูนิต โดยเป็นคอนโดมิเนียม 11,000 ยูนิต” ดร.รักษ์ กล่าวทิ้งท้าย
 
 
 

LastUpdate 18/08/2568 21:15:00 โดย : Admin
19-08-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ August 19, 2025, 6:12 am