สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท
· เงินบาทแข็งค่าสุดในรอบกว่า 4 ปี ตามแรงหนุนจากการปรับขึ้นของราคาทองคำตลาดโลกและการคาดการณ์เรื่องเฟดลดดอกเบี้ย
เงินบาทแข็งค่าผ่านแนว 32.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ไปแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 4 ปีที่ 31.58 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงต้นสัปดาห์ สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก ทิศทางการแข็งค่าของเงินหยวนและสกุลเงินอื่น ๆ ในภูมิภาค ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ยังเผชิญแรงขายต่อเนื่อง หลังจากข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาด
เงินบาทอ่อนค่ากลับมาบางส่วนในช่วงกลางสัปดาห์ตามการย่อตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก และแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ เพื่อปรับโพสิชั่นก่อนตัวเลขเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ประกอบกับ ธปท. ส่งสัญญาณว่า ยังคงติดตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับไปแข็งค่าอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงกดดันจากข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี ซึ่งสะท้อนสัญญาณอ่อนแอของตลาดแรงงานและหนุนโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย.
· ในวันศุกร์ที่ 12 ก.ย. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 31.71 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 32.19 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (5 ก.ย.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 8-12 ก.ย. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 2,103 ล้านบาท แต่มีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 10,187 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันบัตร 10,189 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 2 ล้านบาท)
· สัปดาห์ระหว่างวันที่ 15-19 ก.ย. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 31.20-32.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงิน ประมาณการเศรษฐกิจและ dot plot ใหม่ของเฟด (16-17 ก.ย.) ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติและราคาทองคำในตลาดโลก
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ดัชนีราคานำเข้าและส่งออก ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนส.ค. ผลสำรวจกิจกรรมภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและสาขาฟิลาเดลเฟีย และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ย. ตลอดจนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามผลการประชุม BOE (18 ก.ย.) และ BOJ (18-19 ก.ย.) ตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ส.ค. ของจีน รวมถึงอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค. ของอังกฤษ ยูโรโซนและญี่ปุ่น ด้วยเช่นกัน
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
· ดัชนีหุ้นไทยแตะจุดสูงสุดในรอบกว่า 7 เดือนท่ามกลางปัจจัยบวกจากทั้งในและต่างประเทศ
SET Index แกว่งตัวในกรอบแคบช่วงต้นสัปดาห์ เนื่องจากหุ้นบิ๊กแคปบางตัวเผชิญแรงกดดันจากการคาดการณ์ว่าจะได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท อย่างไรก็ดี ดัชนีตลาดหุ้นไทยทยอยปรับตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มค้าปลีก ท่ามกลางแรงหนุนจากความหวังว่าการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ของไทยจะเป็นไปอย่างราบรื่นและจะมีการออกมาตรการตามมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบกับตลาดมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากคาดการณ์เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในการประชุม 16-17 ก.ย. นี้
นอกจากนี้ แรงซื้อหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ตามทิศทางหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ รวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงานตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้น ก็มีส่วนช่วยหนุนให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ SET Index ปรับตัวขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบกว่า 7 เดือนที่ 1,299.19 จุดช่วงท้ายสัปดาห์ อนึ่ง สัปดาห์นี้หุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวลงสวนทางภาพรวม เนื่องจากมีการขึ้นเครื่องหมาย XD ในระหว่างสัปดาห์
· ในวันศุกร์ที่ 12 ก.ย. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,293.62 จุด เพิ่มขึ้น 2.28% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 45,962.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.76% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.90% มาปิดที่ระดับ 254.61 จุด
· สัปดาห์ถัดไป (15-19 ก.ย. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,275 และ 1,255 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,300 และ 1,315 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (16-17 ก.ย.)ประเด็นการเมืองในประเทศ รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือนส.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ การประชุม BOE และ BOJ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนส.ค. ของญี่ปุ่น ยูโรโซนและอังกฤษ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. ของยูโรโซน ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนส.ค. ของจีน อาทิ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
ข่าวเด่น