
คาดตลาดแกว่งตัวไซด์เวย์ รอผลประชุมเฟด ครม.ทูลเกล้าฯแล้ว นักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันกลับซื้อสุทธิในระดับพันล้านบาทอีกครั้ง ติดตามว่าวงจรการลดดอกเบี้ยเฟดรอบใหม่จะลงไปที่เท่าใดในปี 2569 จาก Dot Plot เดิมคาด FFR ปี 2569 อยู่ที่ 3.6% หากไม่ลงไปมากกว่านี้อาจเริ่มเป็นความเสี่ยงหลังจากตลาดคาดหวังไประดับหนึ่ง ทางเทคนิคระยะสั้นการปรับตัวขึ้นมีแนวต้านที่ทำให้ชะลอตัวสั้นที่ 1310/1315 ส่วนแนวรับที่ 1303/1300 การพักสั้นเพื่อขึ้นไม่ควรลงหลุดต่ำกว่า
ประเด็นสำคัญ
• พรรคภูมิใจไทยเผยความคืบหน้าการจัดทำร่างแถลงนโยบาย คาดจะเสร็จสิ้นภายใน ก.ย. นี้ หนุนนโยบาย “คนละครึ่ง” จะเป็นนโยบายเรือธง และอื่นๆ เช่น ลดค่าไฟฟ้า, แก้ไขปัญหาการค้าชายแดน, ดึงดูด นลท. ย้ายฐานการผลิต และนโยบายรถไฟฟ้า 40 บาท-รถเมล์ไฟฟ้า 20 บาท ด้านรายชื่อ ครม. ทั้งหมด 36 ท่านมีความชัดเจนแล้วหลังตรวจสอบคุณสมบัติเสร็จสิ้น โดยเป็นคนนอก 9 ท่าน ไม่ผิดไปจากกระแสข่าวก่อนหน้า
• ผู้ว่า ธปท. เตือนปัญหาใหญ่ของ ศก. ไทย คือ เสถียรภาพทางการคลังที่ไม่แข็งแกร่งเหมือนอดีต รายจ่ายรัฐเติบโต 4% ขณะที่รายได้ขยายตัวเพียง 1.7% เสี่ยงขาดดุลบานปลาย หากไม่แก้ไขอาจนำไปสู่การปรับลดเครดิตเรทติงของประเทศ
• จำนวน นทท. ต่างชาติเดินทางเข้าไทยสัปดาห์ก่อนขยายตัว 11.2%WoW จากช่วงวันหยุดในมาเลเซียและญี่ปุ่นซึ่งทำให้จำนวนเพิ่มขึ้น 67%WoW และ 30%WoW ตามลำดับ ส่วนจำนวน นทท. สะสมทั้งปี 2568 ที่ 22,953,136 คน ลดลง 7.1%YoY ซึ่งเป็นการลดลง YoY แคบลงต่อเนื่อง สะท้อนการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว
• เอกอัครราชทูต ณ คูเวตได้เชิญ รพ. เอกชนไทย 8 แห่งเพื่อเข้าร่วมโครงการ Rediscovering Health and Wellness Tourism in Thailand เพื่อฟื้นฟูการส่งต่อผู้ป่วยคูเวตเข้ามารักษาในไทย เบื้องต้นเราพบว่ามี BDMS, BH, BCH และ PR9 ที่เข้าร่วม และคาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้นช่วง 4Q68 ถึงปี 2569
• ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ใน ส.ค. 2568 ขยายตัว 0.6%MoM สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ สะท้อนการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ยังแข็งแกร่ง ท่ามกลาวภาวะตลาดแรงงานที่อ่อนตัว
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสไซด์เวย์ในกรอบ โดยมีแนวต้านบริเวณ 1300-1320 จุด ทั้งนี้ประเมินตลาดจะให้น้ำหนักหลักกับปัจจัยต่างประเทศอย่างการประชุมนโยบายการเงิน FOMC (17 ก.ย.) ซึ่งคาดเฟดจะมีมติลดดอกเบี้ยนโยบาย 25bps รวมทั้งจับตา Dot Plot และถ้อยแถลงของประธานเฟดที่จะชี้นำการลดดอกเบี้ยในปีหน้า ส่วนการประชุมนโยบายการเงิน BoE และ BoJ ตลาดคาดยังมีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่เดิม ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังอยู่ระหว่างรอติดตามข่าวความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลและแผนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่เพิ่มจากโครงการคนละครึ่ง ซึ่งจะมีผลต่อการเรียกความเชื่อมั่นการลงทุนให้ฟื้นตัวและการทยอยไหลเข้าของ Fund Flow ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวไซด์เวย์ ระหว่างรอผลการประชุม FOMC ซึ่งคาดจะมีการลดดอกเบี้ย รวมทั้งจับตา Dot Plot และถ้อยแถลงของประธานเฟดที่จะชี้นำการลดดอกเบี้ยในปีหน้า ส่วนในประเทศติดตามความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาล กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีม หลักและ 3 ธีมเทรดดิ้ง ดังนี้
1. หุ้น Earnings Play ซึ่งคาด 2H68 ผลการดำเนินงานเติบโตดีทั้ง HoH และ YoY แรงหนุนจากปัจจัยฤดูกาลและปัจจัยบวกเฉพาะตัว ได้แก่ ADVANC BCPG GULF SCC
2. หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET100 ที่มี SET ESG Ratings A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ PTT TTB
3. Trading Idea : สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลงและ/หรือ ดอลลาร์อ่อนค่า(บาทแข็งค่า) แนะนำ REITs (DIF) อสังหาฯ (AP SIRI) เช่าซื้อ (MTC) และโรงไฟฟ้า (GPSC BCPG GULF) 2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากสถานการณ์น้ำท่วมในไทย แนะนำ TASCO BJC HMPRO GLOBAL และ 3) หุ้นที่ได้อานิสงส์จากออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และ/หรือ ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาดีขึ้น ได้แก่ ค้าปลีก (CPALL GLOBAL TNP) เครื่องดื่ม (CBG OSP HTC ICHI) ท่องเที่ยว (CENTEL) นิคม (AMATA WHA) วัสดุก่อสร้าง (SCC) ขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากเงินบาทแข็งค่าอย่าง อิเล็กทรอนิกส์ (KCE HANA DELTA) และอาหาร (TU CPF GFPT) ซึ่งมีรายได้บางส่วนอยู่ในรูปดอลลาร์
Daily Top Picks
MTC: ราคาหุ้นมีโอกาสได้รับปัจจัยกระตุ้นจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง ใน 2H68 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้นได้ทั้ง QoQ และ YoY จากสินเชื่อที่โต ในปี 2568-2569 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตที่ 15%-16% จากสินเชื่อที่โต 11% และ NIM ที่ขยายตัว 6bps จากต้นทุนทางการเงินที่ลด ส่วน Credit Cost คาดทรงตัว ราคาเป้าหมายระยะสั้น 45 บาท
ERW: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากตัวเลขท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ราคาหุ้นปรับลงสะท้อนมุมมองเชิงลบการต่อสัญญาเช่าโรงแรม Grand Hyatt Erawan Bangkok ในระดับหนึ่งแล้ว คาด 2H68 การดำเนินงานจะฟื้น บริษัทยังคงเป้าการเติบโตสูงของโรงแรมบัดเจ็ท HOP INN จากการขยายโรงแรมต่อเนื่อง ราคาเป้าหมายระยะสั้น 3 บาท
ข่าวเด่น