
ฟันเฟือง เป็นเครื่องกลที่ใช้ในการส่งกำลัง เมื่อรวมทำงานกับเฟืองตัวอื่นมากมายต่อ ๆกันก็จะทำให้เกิดกลไก และแน่นอนว่าเมื่อกลไกต่าง ๆ รวมตัวทำงานร่วมกันก็จะทำให้เกิดระบบกลไกของการทำงานในระบบ เช่น เครื่องยนต์ เครื่องจักรกล หรือแม้แต่ในระบบของสายงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรรม งานบริการ การผลิต การก่อสร้าง หรือโลจิสติกส์ ต่างก็จำเป็นต้องมีสิ่งสำคัญขั้นพื้นฐานอย่างฟันเฟืองเช่นกัน โดยฟันเฟืองในที่นี้ก็คือคน หรือ แรงงาน โดยเฉพาะแรงงานทักษะต่ำที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อภาคอุตสาหกรรมแทบจะทุกประเภท แต่ปัญหาก็คือคนไทยส่วนใหญ่ไม่นิยมในการทำงานใช้แรงงานในลักษณะแบบนี้ ทำให้ประเทศไทยจำเป็นต้องพึ่งพา “แรงงานต่างด้าว” เพื่อให้กลไกของเศรษฐกิจยังทำงานเต็มประสิทธิภาพอยู่ได้
ด้วยความที่ประเทศไทยมีเศรษฐกิจขนาดเล็กและเปิด เราจึงไม่สามารถพึ่งพาการบริโภคจากภายในประเทศได้เพียงอย่างเดียว แต่จำเป็นต้องพึ่งพาประเทศอื่น อย่างภาคการท่องเที่ยว ที่เกี่ยวโยงกับงานด้านการบริการ, การก่อสร้าง (รองรับธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า และโครงการต่าง ๆ), การขนส่ง และภาคการส่งออก ที่เกี่ยวโยงกับภาคการผลิต และการเกษตร ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่ช่วยหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างทุกวันนี้ โดยในอุตสาหกรรมทั้งหมดที่กล่าวมา จำเป็นต้องใช้แรงงานจากคนที่จะขับเคลื่อนให้เกิดการทำงานและสร้างผลงานออกมาให้สำเร็จ เช่น ในงานก่อสร้าง ก็จำเป็นต้องใช้แรงงานก่อสร้าง เพื่อดำเนินงานในส่วนต่าง ๆ เช่น งานเทคอนกรีต งานปูน งานไม้ งานเหล็ก และงานทาสี และออกมาสำเร็จเป็นคอนโดโครงการหนึ่ง หรือห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ขึ้นมา ส่วนการสร้างธุรกิจที่จะขายสินค้าหรือบริการสักอย่างหนึ่ง ก็จำเป็นต้องมีพนักงานต้อนรับ พนักงานให้บริการ หรือพนักงานเสิร์ฟ เป็นแรงงานทักษะขั้นต่ำที่จำเป็นต้องมี ซึ่งสำคัญพอ ๆ กับแรงงานทักษะสูงอื่น ๆ จะขาดใครคนใดคนหนึ่งไปไม่ได้ เพราะไม่เช่นนั้นก็จะไม่ครบองค์ประกอบของกลไกการทำงานในระบบหนึ่ง ให้เสร็จสมบูรณ์ได้
แต่ในประเทศไทยเองนั้น คนไทยด้วยกันไม่นิยมทำงานที่ต้องใช้ทักษะทางกายภาพเป็นหลัก เช่น งานในภาคอุตสาหกรรมหนัก งานใช้แรงงาน งานที่ต้องเสี่ยงอันตราย และงานที่สกปรก หรือที่เรียกว่างาน 3D ทำให้ตลาดแรงงานไทยจำเป็นต้องพึ่งพาแรงงานต่างด้าว โดยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา จำนวนการจ้างงานแรงงานต่างด้าวทักษะต่ำปรับสูงขึ้นมาก ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยได้ชี้ว่า ในตอนนี้ประเทศไทยมีการไหลเข้าของแรงงานต่างด้าวติดอันดับที่ 17 ของโลกแล้ว และจำนวนล่าสุด ณ เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2568 พบว่ามีแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานทั่วประเทศรวมทั้งสิ้นจำนวน 4,064,810 คน ซึ่งแรงงานต่างด้าวส่วนใหญ่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอันดับหนึ่งอย่างเมียนมา คิดเป็นร้อยละ 73 ของจำนวนแรงงานต่างด้าวทั้งหมด ซึ่งในส่วนนี้ยังขาดข้อมูลของแรงงานต่างด้าวนอกระบบประกันสังคม และแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย ที่แปลได้ว่าจำนวนตัวเลขที่แท้จริงมีโอกาสเพิ่มขึ้นมากกว่านี้อีกมาก
โดยเหตุผลที่แรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านหลั่งไหลเข้ามาทำงานใช้แรงงานในประเทศไทย หลัก ๆ คือในตลาดแรงงานประเทศของเขาไม่สามารถรองรับประชากรได้พอ และในเรื่องของรายได้ที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับประเทศของตน และอาจรวมถึงเหตุการณ์ความไม่สงบต่าง ๆ ในพื้นที่บ้านเกิดเช่นในเมียนมา ที่ทำให้การพยายามย้ายถิ่นฐานมาไทยด้วยวีซ่าของการทำงานจะเป็นโอกาสในการลืมตาอ้าปากให้กับพวกเขา และด้วยเหตุนี้ แม้จะเป็นงานใช้แรงงานทักษะต่ำ แต่พวกเขาก็เพิ่มพูนทักษะของการทำงานที่ขยันและอดทน ทำให้เจ้าของธุรกิจก็นิยมที่จะเลือกแรงงานต่างด้าวมากกว่าคนไทยด้วยกัน แต่มันก็ได้ลุกลามไปถึงการใช้แรงงานผิดกฎหมาย เนื่องจากแรงงานต่างด้าวมีต้นทุนค่าแรงที่ต่ำ ทำให้ตอนนี้ประเทศไทยเข้าขั้นพึ่งพาแรงงานต่างด้าวมากเกินไป อีกทั้งยังเป็นที่มาของปัญหาการลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย ปัญหาขบวนการนายหน้า และปัญหาการค้ามนุษย์อีกด้วย
และยิ่งการมีปัญหาชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ก็ยิ่งตอกย้ำความเปราะบางของตลาดแรงงานไทยอย่างมาก ดังนั้นเศรษฐกิจไทย ควรหยุดการพึ่งพาแรงงานต่างด้าวมากเกินไป ซึ่งก็คงต้องหวังพึ่งภาครัฐ ให้สร้างเสถียรภาพของจำนวนแรงงาน ที่อาจจะเป็นการสนับสนุนด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีต่อภาคธุรกิจ พัฒนาบุคลากรในไทย รวมไปถึงการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวที่ครอบคลุมและเข้มงวดกว่านี้ เพื่อให้เศรษฐกิจและสังคมไทยยังยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย
ข่าวเด่น