เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
Special Report : สหรัฐ เตรียมขึ้นภาษีนำเข้ารถบรรทุก 25% ชี้เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ


 

ยังคงเดินหน้าเก็บไม่หยุด สำหรับโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ได้สานต่อนโยบายปรับภาษีศุลกากร หรือ Tariff ด้วยการเตรียมขึ้นภาษีนำเข้ารถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่ทุกประเภทในอัตรา 25% โดยจะมีผลวันที่ 1 พ.ย.นี้ เป็นต้นไป ด้วยเหตุผลความมั่นคงของชาติ
 
โดยการเตรียมขึ้นภาษีนำเข้ารถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่ในครั้งนี้ ถือเป็นการดำเนินการมาตรการป้องกันของรัฐบาลสหรัฐ ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายที่มีอยู่ โดยเฉพาะในมาตรา 232 ของกฎหมายส่งเสริมการค้า (Trade Expansion Act) ปี 1962 เพื่อใช้สอบสวนว่าการนำเข้ารถทั้งสองประเภทนี้ รวมถึงการนำเข้าชิ้นส่วนรถดังกล่าวเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐอเมริกาหรือไม่ ซึ่งพิจารณาใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่
 
1. ความเปราะบางโซ่อุปทาน (Supply Chain Vulnerability)

หากผู้ผลิตในต่างประเทศ ควบคุมส่วนประกอบหลัก เช่น ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ระบบไฟฟ้า ฯลฯ แล้วสหรัฐต้องพึ่งพิงการนำเข้าอย่างมาก ถ้าความสัมพันธ์ทางการเมืองตึงเครียดขึ้นมา หรือมีในเรื่องของการกีดกันการส่งออก ผู้ผลิตภายนอกอาจตัดการส่งชิ้นส่วนสำคัญ หรือปิดเส้นทาง ส่งผลให้สหรัฐไม่สามารถผลิตหรือซ่อมบำรุงรถบรรทุกภายในประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจกระทบการขนส่งโลจิสติกส์ภายในประเทศในภาวะฉุกเฉิน หรือภาวะสงคราม

2. อุตสาหกรรมภายในประเทศและฐานผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นต่อยุทธศาสตร์

ด้านรัฐบาลมองว่า อุตสาหกรรมรถยนต์และรถบรรทุก ถือเป็นอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ (CI) ของสหรัฐ ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักในการขนส่งสินค้าแทบทุกชนิด ที่ถ้าหากอุตสาหกรรมการผลิตรถบรรทุกในประเทศอ่อนแอ จากการพึ่งพิงต่างชาติมากไป ปล่อยให้รถบรรทุก และชิ้นส่วนต่างประเทศราคาถูกไหลเข้ามาแบบไม่มีภาษี ก็จะกระทบกับศักยภาพทางเศรษฐกิจและกำลังผลิต เช่นปัญหาฐานการผลิตย้ายออกนอกสหรัฐ ที่เมื่อถึงเวลาในภาวะสงครามหรือเกิดภัยคุกคามขึ้นมา สหรัฐจะไม่มีโรงงานเหลือให้ผลิตหรือซ่อมบำรุงได้เลย ดังนั้นรัฐบาลจึงอยากให้สหรัฐมีศักยภาพภายในประเทศในการผลิตรถบรรทุกเพื่อใช้ในงานภาครัฐ งานทหาร หรืองานช่วยเหลือฉุกเฉิน ด้วยการกีดกันด้านภาษีเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ

3. การแข่งขันที่ “ไม่เป็นธรรม” จากการอุดหนุนโดยรัฐบาลต่างประเทศ

ถ้าผู้ผลิตรถบรรทุกต่างประเทศได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลตนเอง หรือมีมาตรการช่วยเหลือพิเศษ (เช่น เครดิตส่งออก, สิทธิประโยชน์ภาษี, การสนับสนุนทางด้านพลังงาน) ทำให้สามารถขายรถบรรทุกในตลาดสหรัฐได้ในราคาต่ำกว่าต้นทุนจริง ซึ่งการนำเข้าจำนวนมากอาจบั่นทอนผู้ผลิตในสหรัฐให้ล้มหายตายจาก และหากผู้อื่นครองตลาด ก็จะยิ่งเป็นการสร้างจุดอ่อนเชิงยุทธศาสตร์ในระยะยาว  ดังนั้นการขึ้นภาษี 25% จะทำให้ผู้ผลิตในประเทศสามารถแข่งขันได้ แรงงานและเทคโนโลยีภายในที่ยังคงหมุนเวียนในประเทศ และยังมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมผลิตสินค้าหนัก (Heavy-Duty Products) ได้เอง

4. ความมั่นคงของโครงข่ายคมนาคม

รถบรรทุกขนาดกลางหรือใหญ่ เป็นโครงข่ายขนส่งพื้นฐานของระบบโลจิสติกส์ของประเทศ เช่น การขนส่งสินค้า อาหาร น้ำมัน อุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือการกระจายของช่วยเหลือ ซึ่งถ้าในภาวะวิกฤตรัฐบาลไม่สามารถควบคุมหรือบำรุงรักษารถยนต์ได้เพราะพึ่งพิงผู้ผลิตต่างประเทศมากเกินไป ก็อาจส่งผลเสียต่อการดำเนินงานของระบบรัฐบาล
 
ซึ่งการที่ทรัมป์จะเก็บภาษีนำเข้า 25% สำหรับรถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่ทุกประเภทในครั้งนี้ ถูกมองว่าเป็นการปกป้องเพื่อสร้างความมั่นคงเชิงอุตสาหกรรม (Industrial Security) ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงทางทหาร โดยคำว่า “ภัยต่อความมั่นคงของชาติ” เพื่อสร้างความชอบธรรมเชิงการเมือง และสามารถใช้ฐานกฎหมายให้สามารถเก็บภาษีได้ภายในมาตรา 232 โดยไม่ต้องอาศัยการอนุมัติจากสภาคองเกรส เนื่องจากเป็นอำนาจของฝ่ายบริหารในการปกป้องความมั่นคง แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อโต้แย้งหนักว่า “ภัยต่อความมั่นคง” ดังกล่าวที่ถูกใช้เป็นข้ออ้างทางการค้ามากกว่าเป็นภัยจริงนี้ จะสร้างผลกระทบด้านราคาสินค้า เนื่องจากราคารถบรรทุกนำเข้าจะสูงขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้ต้นทุนขนส่งสูงขึ้น ผู้ประกอบการอาจแบกรับต้นทุน หรือผู้บริโภคท้ายสุดต้องจ่ายเพิ่ม บางรายอาจต้องเลิกนำเข้า ส่งผลให้หลายบริษัทอาจเปลี่ยนฐานผลิต

นอกจากนี้ยังกระทบกับการค้าระหว่างประเทศ และความสัมพันธ์กับพันธมิตรได้ เช่น เม็กซิโก แคนาดา หรือประเทศในยุโรป ซึ่งแม้ไม่ได้เป็นภัยทางทหาร แต่การกีดกันนี้จะสร้างความตึงเครียดทางการค้า ที่สหรัฐเสี่ยงที่จะถูกฟ้องใน WTO หรือถูกท้าทายทางกฎหมายตามมา เพราะตามกฎหมายในมาตรา 232 ที่ประธานาธิบดีมีอำนาจสั่งเก็บภาษีนำเข้าหรือมาตรการอื่น ถ้าการนำเข้า “ในสัดส่วนหรือภายใต้เงื่อนไข” มีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาตินั้น มีความคลุมเครือและไม่ชัดเจนว่า จะมีเกณฑ์ในการประเมินว่าผู้ค้ารายไหน “คุกคาม” หรือ “บั่นทอน” คืออะไร ซึ่งทั้งนี้ก็ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมออกมาว่าจะดำเนินวิธีการเก็บภาษีอย่างไร

LastUpdate 08/10/2568 22:14:41 โดย : Admin
09-10-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ October 9, 2025, 11:39 am