หุ้นทอง
GCAP GOLD ชี้ทองย่อไม่หลุด $3,970 ยังมีแรงไปต่อ จับตาเงินเฟ้อ - เจรจาการค้า - วิกฤตแบงก์ภูมิภาค ชี้ชะตาขาขึ้นรอบใหม่


 
บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD ประเมิน ทรัมป์ แสดงท่าทีผ่อนปรนต่อการเก็บภาษีจีน สร้างความหวังเปิดทางเจรจา ทำราคาทองคำร่วงกว่า $300 หลังทำสถิติสูงสุดใหม่ $4,380 และธนาคารภูมิภาคเผชิญปัญหาฉ้อโกงการปล่อยสินเชื่อ พาตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปราะบาง หนุนทองคำกลับมาโดดเด่น พร้อมเฝ้าจับตาปัจจัยสำคัญ ได้แก่ CPI สหรัฐฯ, ผลประกอบการธนาคารภูมิภาค, และความคืบหน้าเจรจาสหรัฐฯ–จีน แนะกลยุทธ์ "รอย่อซื้อ" แนวรับ $4,070 – $4,000 แนวต้าน $4,200 - $4,300 โดยแนวโน้มระยะกลางยังอยู่โซนบวก

 
นางสาว อารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD เปิดเผยว่า ราคาทองคำร่วงลงกว่า 2% หลังจากพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ที่บริเวณ $4,380 ก่อนจะปรับตัวลงมาปิดที่ประมาณ $4,250 โดยแรงเทขายหลักมีปัจจัยจากถ้อยแถลงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีท่าทีผ่อนปรนต่อการจัดเก็บภาษีสินค้าจีน ซึ่งระบุว่า “การเก็บภาษีเต็มรูปแบบต่อจีนอาจไม่ยั่งยืน” และจากถ้อยแถลงดังกล่าว ทำให้แนวโน้มผ่อนคลายความตึงเครียดลง พร้อมสร้างความคาดหวังสู่การเปิดการเจรจาในระดับรัฐมนตรี ซึ่งจะเกิดขึ้นที่ประเทศมาเลเซีย ในสัปดาห์นี้ รวมถึงการเจรจาระดับผู้นำที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะกดดันราคาทองคำในระยะสั้น

ขณะเดียวกัน นอกจากประเด็นการเมืองระหว่างประเทศแล้ว ทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังเผชิญ และเริ่มส่งสัญญาณเปราะบางจากภาคการเงิน หลังจากมีรายงานว่าธนาคารภูมิภาคบางแห่ง เช่น Zions Bancorp และ Western Alliance Bancorp เผชิญความเสียหายจากการปล่อยสินเชื่อที่ถูกฉ้อโกงในกองทุนอสังหาฯ ที่มีปัญหา ซึ่งสร้างความวิตกว่าปัญหานี้อาจลุกลามสู่ระบบสินเชื่อในวงกว้าง ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนเทขายหุ้นกลุ่มการเงินภูมิภาค เพื่อลดความเสี่ยงและเข้าไปหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากขึ้น และคาดว่าประเด็นดังกล่าวจะเป็นอีกปัจจัยหนุนให้ทองคำกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง ในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์หน้า ได้แก่ 1. ตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ (วันศุกร์) : โดยเป็นตัวแปรหลักของสัปดาห์ เนื่องจากตัวเลขจะสะท้อนการวัดแรงกดดันเงินเฟ้อในระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยหากออกมาสูงกว่าคาดอาจกดดันทองคำระยะสั้น อย่างไรก็ตามหากออกมาต่ำกว่าที่คาดจะเพิ่มความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของเฟดในเดือนตุลาคม ซึ่งจะเป็นแรงบวกต่อทองคำทันที

2. ผลประกอบการของธนาคารภูมิภาคสหรัฐฯ รอบใหม่ : โดยเฉพาะ East West Bancorp, Western Alliance และ Zions หากออกมาแย่กว่าคาดการณ์ จะยิ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นในภาคการเงิน และหากลุกลาม อาจกลายเป็นสัญญาณเริ่มต้นของภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหม่ในสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นแรงซื้อทองคำรอบใหม่

3. ความคืบหน้าการเจรจาสหรัฐฯ–จีน : หากมีสัญญาณบวกจากการพบปะระหว่างทรัมป์ และสี จิ้นผิง ในช่วงปลายเดือน ต.ค.นี้ อาจลดแรงซื้อทองคำระยะสั้น แต่หากเกิดความไม่แน่นอน หรือแรง ตึงเครียดเพิ่มขึ้น ซึ่งจะสนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ GCAP GOLD แนะนำกลยุทธ์หลักยังคงรอย่อซื้อ เมื่อราคาย่อลงมาทดสอบแนวรับโซน $4,070 – $4,000 (ราคาทองคำไทยราว 63,300–62,500 บาท) เนื่องจากทองคำ ยังอยู่ในภาวะพักฐานภายในโครงสร้างขาขึ้น แม้ว่าราคาจะเผชิญแรงขายทำกำไรหลังทำจุดสูงสุดใหม่ แต่แนวโน้มระยะกลางยังคงเป็นบวก โดยมีจุดเฝ้าระวังสำคัญ คือ ห้ามหลุด $3,970 (ราคาทองคำไทยประมาณ 61,500 บาท) และหากหลุดแนวโน้มการพักฐานอาจลึกลงอีกระดับ ส่วนเป้าหมายทำกำไรระยะสั้นอยู่ที่บริเวณแนวต้าน $4,200 / $4,300 (ราคาทองคำไทยประมาณ 65,000 / 66,500 บาท) 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 22 ต.ค. 2568 เวลา : 13:56:48
22-10-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ October 22, 2025, 11:41 pm