.jpg)
· ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.75% ในการประชุมวันที่ 21-22 ต.ค. 2025 พร้อมคงดอกเบี้ยเงินฝากไว้ที่ 3.75% และดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ 5.50% โดยหันมาให้น้ำหนักกับการดูแลค่าเงินและประเมินผลการส่งผ่านโยบายการเงินในช่วงที่ผ่านมา หลังจากที่ลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง 3 ครั้งติดต่อกัน โดยเฉพาะในเดือน ก.ย. ที่มีการปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากมากกว่า สะท้อนถึงความพยายามเร่งส่งผ่านนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ (รูปที่ 1)
รูปที่ 1: BI คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.75% หลังจากลดติดต่อกัน 3 ครั้ง
ที่มา: Bank Indonesia, CEIC โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
· ค่าเงินรูเปียห์ที่อ่อนค่ายังเป็นโจทย์หลัก ทำให้การลดดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง โดยค่าเงินรูเปียห์อ่อนค่าราว 2.55% YTD มาอยู่ที่ 16,585 รูเปียห์/ดอลลาร์ฯ ณ 21 ต.ค. (รูปที่ 2) ซึ่งยังมีทิศทางที่อ่อนค่า
ในช่วงที่เหลือของปี ส่งผลให้ BI ต้องให้น้ำหนักกับการรักษาเสถียรภาพผ่านการแทรกแซงในตลาดเงินทั้งในและต่างประเทศ
รูปที่ 2: ค่าเงินรูเปียห์ยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับต้นปี 2025
ที่มา: CEIC โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
· เงินเฟ้อยังอยู่ในกรอบ ช่วยหนุนให้ BI คงแนวโน้มผ่อนคลายทางการเงินต่อไป โดยเงินเดือน ก.ย. ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 2.65% สูงสุดในรอบ 16 เดือน (รูปที่ 3) ผลจากราคาอาหารและค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่ยังอยู่ในกรอบเป้าหมายของ BI ที่ 1.5-3.5% อย่างไรก็ดี แนวโน้มค่าเงินรูเปียห์ที่อ่อนค่าอาจผลักดันเงินเฟ้อให้สูงขึ้นอีกในระยะต่อไป ทำให้การปรับลดดอกเบี้ยมีข้อจำกัดมากขึ้น
รูปที่ 3: เงินเฟ้อเดือน ก.ย. สูงสุดในรอบ 16 เดือน แต่ยังอยู่ในกรอบเป้าหมายของ BI
ที่มา: Bank Indonesia, CEIC โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
· อุปสงค์ในประเทศยังอ่อนแรง ขณะที่การส่งออกชะลอตัวชัดเจนสะท้อนว่าเศรษฐกิจอินโดนีเซียยังต้องพึ่งแรงกระตุ้นเชิงนโยบายอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI) ชะลอตัวต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2025 (รูปที่ 4) ในด้านการส่งออกเดือน ส.ค. เติบโตเหลือเพียง 5.7%YoY (จาก 9.8% ในเดือน ก.ค.) เนื่องจากฐานที่สูงในปีก่อนและผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ เริ่มปรากฏ โดยเฉพาะการส่งออกไปสหรัฐฯ ชะลอลงชัดเจนเหลือขยายตัว 2.9%YoY ในเดือน ส.ค. (จาก 38.8% ในเดือน ก.ค.)
รูปที่ 4: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในประเทศปรับตัวลดลงตั้งแต่ต้นปี 2025
ที่มา: CEIC โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
· นโยบายการคลังที่ออกมาต่อเนื่องช่วยเสริมแรงกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี รัฐบาลยังเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในเดือน ต.ค. เป็นวงเงิน 30 ล้านล้านรูเปียห์ (1.81 พันล้านดอลลาร์ฯ) โดยแจกเงินสดให้ 35 ล้านครัวเรือน (หรือประมาณ 140 ล้านคน) พร้อมทั้งขยายโครงการฝึกงานสำหรับบัณฑิตจบใหม่เป็น 100,000 ราย เพื่อเร่งการใช้จ่ายช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี มาตรการดังกล่าวช่วยเสริมแรงส่งให้กับนโยบายการเงินทิศทางผ่อนคลายในช่วงที่ผ่านมา
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในช่วงที่เหลือของปี BI จะชะลอการลดดอกเบี้ยเพื่อรอประเมินผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านมา และหันมาให้น้ำหนักกับการรักษาเสถียรภาพค่าเงิน ทั้งนี้ BI มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยอีกสองครั้งถึงไตรมาส 1/2026
ข่าวเด่น