
คาดตลาดแกว่งไซด์เวย์/พักตัว ตลาดหลุดแนวรับสำคัญ 1300-1298 ส่งผลให้ปรับตัวลงแรงมาที่ 1285 แนวรับที่ให้ไว้พอดี นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อ 1.4 พันลบ. ผลประกอบการโค้งสุดท้ายที่ต่ำกว่าคาดกดดันตลาดระยะสั้น ในขณะที่ความเสี่ยงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาเพิ่มขึ้นกดดันจิตวิทยา แม้คาดว่าไม่กระทบเศรษฐกิจและกำไรรวมนัก เทคนิคที่แนวรับ 1285 อาจชะลอการลงสั้น แต่ทิศทางหลักกลับมาแกว่งลงมีแนวรับถัดไปที่ 1275/1265 การขึ้นมีแนวต้าน 1290/1295
ประเด็นสำคัญ
• ติดตามการลงมติงบประมาณชั่วคราวของสภาผู้แทนฯ สหรัฐฯ ในช่วงเช้าวันนี้ เพื่อยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ หากสภาผู้แทนฯ มีมติอนุมัติ กฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งต่อไป ปธน. เพื่อลงนาม
• OPEC คงประมาณการเติบโตอุปสงค์น้ำมันโลกปี 2568 และ 2569 ที่ +1.3MBD (+1.25%) และ +1.4MBD (+1.31%) ตามลำดับ แต่มองตลาดน้ำมันจะเข้าสู่สมดุลในปี 2569 จากคาดการณ์การเติบโตอุปทานฝั่ง non-OPEC+ ที่ขยายตัวสูงขึ้นในปีนี้
• ปลัดคลังเผยว่ากระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม “คนละครึ่งพลัส” เฟสสอง ซึ่งมีจุดประสงค์ต้องการเก็บตกประชาชนที่พลาดการเข้าร่วมในเฟสแรก โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง แต่จะต้องรอการพิจารณาจัดสรรงบประมาณและวงเงินที่ประชาชนจะได้รับ
• ผู้ว่าฯ กทม. เผยสถานการณ์น้ำหนุนใน พ.ย. 2568 ไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากได้ผ่านพ้นวันที่มีน้ำหนุนสูงสุดไปแล้วในวันที่ 8 พ.ย. แม้จะเผชิญวันน้ำหนุนสูงอีกครั้งในวันที่ 20 ธ.ค. ซึ่งคาดจะไม่สูงมากเนื่องจากสถานการณ์น้ำในภาคเหนือคาดจะบรรเทาลง และประตูระบายน้ำมีความพร้อมในปีนี้ ต่างจากในปี 2554 ที่มีปัญหา
• สถานการณ์ระหว่างไทยและกัมพูชากลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังต่างฝ่ายอ้างว่าอีกฝั่งได้เปิดฉากยิงใส่กันอีกครั้ง เป็น Sentiment เชิงลบต่อหุ้นที่มีการลงทุนหรือธุรกิจในกัมพูชา เช่น CBG AEONTS SAV
• FETCO แสดงความกังวลกรณีที่หุ้น IPO จำนวนมากเปิดซื้อขายต่ำกว่าราคาจองในช่วงที่ผ่านมา มองว่ามีสาเหตุจากการตั้งราคาที่สูงเกินไป ซึ่งอาจกระทบต่อการส่งเสริมการจดทะเบียนเข้าตลาดของหุ้นในอนาคตและหันไประดมทุนในต่างประเทศแทน
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ 1285-1345 จุด หลังเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายประกาศงบ 3Q68 ของ บจ. กลุ่ม Real Sector ที่คาดว่าจะเห็นสัญญาณฟื้นตัว รวมทั้งการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาล แนะนำติดตามการปรับตัวลงของดัชนีมาที่กรอบล่าง 1285 หากหลุดต่ำกว่าจะมีความเสี่ยงของการลงรอบใหม่ในทางเทคนิค ขณะที่ปัจจัยภายนอกที่ต้องติดตาม ได้แก่ 1) การปิดหน่วยงานของราชการสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อทำระยะเวลาที่ยาวนานสุดครั้งใหม่ 2) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญทั้งภาคแรงงานและเงินเฟ้อ หากหน่วยงานราชการกลับมาเปิดได้ ซึ่งจะมีผลต่อการคาดการณ์ทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของเฟด 3) PMI ภาคการผลิตและยอดค้าปลีก ต.ค. ของจีนยังมีแนวโน้มฟื้นตัวช้าที่จะมีผลต่อจิตวิทยาและบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบเนื่องจากเข้าสู่สัปดาห์สุดท้ายของการประกาศงบ 3Q68 “Selective Buy” ใน 2 ธีมหลักและ 2 ธีมเทรดดิ้งที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Earnings Play ซึ่งคาดผลการดำเนินงาน 4Q68 จะยังเติบโตดีทั้ง QoQ และ YoY และเราแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดี อีกทั้งราคาหุ้นยังมี Upside ได้แก่ BCPG BEM BGRIM MTC PTT
2. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค. และปีหน้า 2 ครั้งในช่วง 1H69 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC รวมทั้งหุ้นกลุ่ม REITs แนะนำ DIF FTREIT LHHOTEL
3. Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 3Q68 เติบโตดีทั้ง QoQ และ YoY แนะนำ BGRIM GFPT MTC CPALL BEM และ 2) หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากรัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ แนะนำ กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL ERW) จากมาตรการเที่ยวดีมีคืน, กลุ่มไฟแนนซ์ (BAM MTC) จากมาตรการพักหนี้และให้สินเชื่อรายย่อย
Daily Top Picks
BDMS: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากกำไร 3Q68 ที่ออกมาสูงกว่าคาด โดยมีกำไรสุทธิ 4.3 พันลบ. เพิ่มขึ้น 2%YoY และ 24%QoQ จาก EBITDA Margin ที่ดีและค่าใช้จ่ายภาษีที่น้อยกว่าคาด ขณะที่ราคาหุ้นยัง Laggard และซื้อขาย PER 2569F ที่ 17 เท่า ต่ำกว่า -2SD ของค่าเฉลี่ยในอดีต เป้าหมายระยะสั้น 19.50 บาท
BGRIM: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากราคาก๊าซฯ ที่ปรับลงและอัตราดอกเบี้ยที่มีโอกาสลดลงในช่วงถัดไป คาดกำไร 3Q68 ที่ 525 ลบ. เพิ่มขึ้น QoQ และ 4Q68 คาดจะสูงขึ้น YoY และ QoQ จาก SPP Margin ที่กว้างขึ้นและส่วนแบ่งกำไรโรงไฟฟ้าพลังงานลม ด้าน Valuation ไม่แพง ที่ PER 2569F ที่ 17 เท่า ราคาเป้าหมายระยะสั้นที่ 15.60 บาท
ข่าวเด่น