(+) ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับเพิ่มเล็กน้อย หลังหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ มีกำหนดกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นอุปสงค์น้ำมันได้ในระยะสั้น ขณะเดียวกันนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านอุปทาน จากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อบริษัท Lukoil ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย โดยมาตรการคว่ำบาตรนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามกดดันให้รัสเซียเข้าร่วมการเจรจาสันติภาพ เพื่อยุติสงครามในยูเครน ทั้งนี้ อาจส่งผลให้บริษัทต่างๆ ไม่สามารถทำธุรกรรมกับบริษัท Lukoil ได้หลังจากวันที่ 21 พ.ย. 68
(-) สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 7 พ.ย. 68 ปรับเพิ่มขึ้น 6.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 427.6 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 2.0 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ EIA เปิดเผยว่าปริมาณน้ำมันคงคลังทั่วโลกจะเติบโตต่อเนื่องในจนถึงปี 2569 เนื่องจากการผลิตเพิ่มขึ้นเร็วกว่าอุปสงค์ ซึ่งจะเพิ่มแรงกดดันต่อราคาน้ำมัน
(-) สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดการณ์น้ำมันในตลาดโลกปี 2568 จะเพิ่มขึ้น 3.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน และในปี 2569 คาดว่าจะเผชิญภาวะอุปทานส่วนเกินมากถึง 4.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากการเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ และประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่ม OPEC ขณะที่อุปสงค์เติบโตในระดับปานกลาง
ข่าวเด่น