เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บมจ.ไทยออยล์วิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ "ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำ ท่ามกลางการกลับมาทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ และความตึงเครียดจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย"


ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 60-70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 60-70 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
 
 

 
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (14 – 20 พ.ย. 68)

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำเนื่องจากคณะรัฐบาลสหรัฐฯลงมติเห็นชอบรับร่างงบประมาณชั่วคราว ภายหลังการปิดทำการชั่วคราวที่ถูกยืดเยื้อมามากว่า 40 วัน ทางด้านสถานการณ์ระหว่างเวเนซุเอลาและสหรัฐฯ เริ่มมีความตึงเครียดมากขึ้น หลังจากกองทัพเวเนซุเอลาเตรียมความพร้อมเพื่อตอบโต้สหรัฐฯ หากสหรัฐฯ ทำการโจมตีเวเนซุเอลา ภายหลังสหรัฐฯ เพิ่มกำลังพลทหารและยุทโธปกรณ์เข้ามาในภูมิภาคเพื่อปราบปรามการลักลอบขนยาเสพติด แม้ต่อมาประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้มีการพิจารณาโจมตีพื้นที่เวเนซุเอลาก็ตาม ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และซีเรียมีแนวโน้มดีขึ้น   จากการพบปะของผู้นำทั้งสอง ณ กรุงวอชิงตัน ซึ่งอาจนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายตามที่ทั้งสองประเทศตั้งเอาไว้ อย่างไรก็ตาม ตลาดจับตามองการดำเนินการของสหรัฐฯ ต่อมาตรการคว่ำบาตรต่อบริษัท Rosneft และ Lukoil ของรัสเซียที่ใกล้ถึงเส้นตายที่สหรัฐฯ ได้กำหนดไว้ในวันที่ 21 พ.ย.  นอกจากนี้ ตลาดยังคงดูท่าทีของกลุ่มโอเปกพลัส หลังจากรายงานของกลุ่มโอเปกพลัสสะท้อนให้เห็นถึงอุปทานน้ำมันดิบที่ยังคงล้นตลาด

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้

• รัฐบาลสหรัฐฯ สามารถยุติการปิดทำการชั่วคราว (Government shutdown) และกลับมาทำการได้อีกครั้งเนื่องจากวุฒิสภาได้ลงคะแนนเสียงรับมติร่างงบประมาณชั่วคราวด้วยคะแนนเสียง 60-40 ผ่านการสนับสนุนของพรรคเดโมแครตสายกลาง และได้รับการอนุมัติร่างงบประมาณชั่วคราวจากสภาผู้แทนราษฎรด้วยคะแนนเสียง 222-209 ทั้งนี้ การกลับมาทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ จะช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับมาดำเนินการต่อได้หลังต้องหยุดชะงักไปชั่วคราว อีกทั้ง ยังเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน จากความต้องการการใช้น้ำมันอากาศยานที่อาจจะกลับมาอีกครั้ง หลังมีการยกเลิกเที่ยวบินมากกว่า 10,000 เที่ยว ในช่วงที่รัฐบาลสหรัฐฯ ปิดทำการชั่วคราว นอกจากนี้ ตลาดยังให้ความสนใจต่อตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่จะถูกปิดเผยภายหลังการกลับมาทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ร่างงบประมาณชั่วคราวดังกล่าวจะต่ออายุการใช้งบประมาณของรัฐบาลสหรัฐฯ ไปจนถึงวันที่ 30 ม.ค. 69 เท่านั้น ทำให้ตลาดยังคงต้องจับตามองถึงสถานการณ์ของรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด

• สถานการณ์ระหว่างเวเนซุเอลาและสหรัฐฯ เริ่มมีความตึงเครียดมากขึ้น หลังจากกองทัพเวเนซุเอลาเตรียมความพร้อมเพื่อตอบโต้สหรัฐฯ หากสหรัฐฯ เริ่มทำการโจมตีเวเนซุเอลา โดยการเตรียมการของเวเนซุเอลาเกิดขึ้นหลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวถึงข้อเสนอความเป็นไปได้ที่จะเปิดปฏิบัติการภาคพื้นดินในเวเนซุเอลา หลังจากมีการโจมตีเรือที่ถูกกล่าวหาว่าลักรอบขนยาเสพติดในบริเวณทะเลแคริบเบียน รวมถึงการเพิ่มกำลังพลทหารและยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ เข้ามาในภูมิภาคมากขึ้น แม้ต่อมาประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้มีการพิจารณาโจมตีในพื้นที่เวเนซุเอลาก็ตาม แต่อย่างไรก็ดี หากสหรัฐฯ เปิดฉากการโจมตีในพื้นที่ของเวเนซุเอลา อาจจะส่งผลทำให้อุปทานน้ำมันตึงตัว

• ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และซีเรียมีแนวโน้มดีขึ้นจากการพบปะของนายโดนัลด์ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายอาห์เหม็ด อัล-ชารา ประธานาธิบดีซีเรีย ณ กรุงวอชิงตัน ภายใต้การพบกันของผู้นำทั้งสองประเทศ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวยกย่องและแสดงความพร้อมที่จะช่วยเหลือซีเรียอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ การพบปะกันนี้มีเป้าหมายเพื่อให้สหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรตามกฎหมายซีซาร์ และต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจซีเรียรวมถึงต้องการให้ซีเรียเข้าถึงความช่วยเหลือทันทีเมื่อเกิดภัยพิบัติ ซึ่งก่อนหน้าในช่วงเดือน พ.ค. 68 สหรัฐฯ ได้มีการขยายระยะเวลาบังคับใช้ไปอีก 180 วัน ทั้งนี้ การให้ความสนใจต่อซีเรียจากผู้นำสหรัฐฯ มีขึ้นในช่วงที่รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามรักษาข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา และต้องการผลักดันแผนสันติภาพ 20 ข้อต่อความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและฮามาส หากความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศมีความใกล้ชิดมากขึ้น อาจทำให้แผนสันติภาพ 20 ข้อ เพื่อยุติสงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาสของสหรัฐฯ เป็นไปได้ด้วยความราบรื่นจากการสนับสนุนของซีเรียได้


• ตลาดจับตามาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อบริษัท Rosneft และ Lukoil ที่จะมีเส้นตายในวันที่ 21 พ.ย. โดยมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากความล้มเหลวในการเจรจาของผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำรัสเซียในช่วงเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา โดยมาตรการคว่ำบาตรนี้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันดิบของรัสเซียประมาณ 2.7 ล้านบาร์เรล/วัน และผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปอีก 0.9 ล้านบาร์เรล/วัน คิดเป็น 70-80% ของการส่งออกน้ำมันทางเรือของรัสเซีย ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวทำให้ผู้นำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียอย่างจีนและอินเดียมีการปรับลดการซื้อน้ำมันจากรัสเซียลง เนื่องจากกังวลด้านการเงินและความเสี่ยงจากมาตรการคว่ำบาตร อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงมองว่ารัสเซียอาจใช้บริษัทใหม่หรือบริษัทที่ไม่ถูก
คว่ำบาตรในการส่งออกน้ำมันดิบเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดจากมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าว

• รายงานจากกลุ่มเปกพลัส (OPEC+) คาดการณ์อุปสงค์น้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกพลัสในปี 2569 อยู่ที่ 43 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยคาดการณ์ว่าจะมีอุปทานส่วนเกินเล็กน้อยอยู่ที่ 20,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัสในเดือน ต.ค.68 ที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 43.02 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม โอเปกพลัสได้มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือน ธ.ค. 68 อีก 137,000 บาร์เรลต่อวัน แต่ทั้งนี้กลุ่มโอเปกพลัสยังไม่มีแผนการการปรับเพิ่มกำลังการผลิตในไตรมาส 1/69

• ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ เดือน พ.ย. ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและการบริการ และตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของยุโรป ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ต.ค. ความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน พ.ย. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและการบริการ เดือน พ.ย. 

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (7 – 13 พ.ย. 68)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 0.07 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 59.62 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 0.55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 63.71 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 7 พ.ย. 68 ปรับเพิ่มขึ้น 6.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 427.6 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 2.0 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงรุนแรงเนื่องจากยูเครนเดินหน้าโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของรัสเซียเพื่อตัดรายได้จากภาคพลังงานของรัสเซียที่จะนำมาใช้ในการทำสงคราม โดยรายงานล่าสุดบ่งชี้ว่า รายได้จากภาคพลังงานของรัสเซียในเดือน ต.ค. 68 ปรับลดลง 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งนี้ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และอินเดียมีแนวโน้มผ่อนคลายลง หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยว่าสหรัฐฯ ใกล้จะที่บรรลุข้อตกลงเพื่อปรับลดมาตรการภาษีศุลกากรกับอินเดีย หลังจากผู้นำสหรัฐฯ มองว่าอินเดียมีการทยอยปรับลดการนำเข้าน้ำมันดิบของรัสเซียลงในช่วงที่ผ่านมา เพื่อช่วยสหรัฐฯ ในการกดดันให้รัสเซียกลับเข้ามาสู่โต๊ะเจรจาสันติภาพอีกครั้ง 


 

 


LastUpdate 17/11/2568 11:18:07 โดย : Admin
17-11-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 17, 2025, 9:44 pm