การค้า-อุตสาหกรรม
กระทรวงเกษตรฯ "สืบสาน รักษา ต่อยอด" โครงการพระราชดำริ บูรณาการ 4,145 โครงการ ขับเคลื่อนเกษตรไทยสู่ความยั่งยืน


 
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์” ณ ห้องประชุมพึ่งบุญฯ อาคารวิสัยทัศน์ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร โดยมีผู้บริหารของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) เข้าร่วมสัมมนาเพื่อบูรณาการข้อมูลและเสริมสร้างความร่วมมือกว่า 200 คน

 
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ความสำคัญสูงสุดกับการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยกำหนดให้การขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดจนร่วมสืบสาน รักษา ต่อยอด โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำถึงการขับเคลื่อนโครงการเพื่อสนับสนุน ช่วยเหลือเกษตรกรให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น กำชับให้ทุกหน่วยงานรวมพลังสืบสาน รักษา ต่อยอดพระราชปณิธานอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

 
การสัมมนาครั้งนี้ ถือเป็นเวทีสำคัญในการบูรณาการแผนงาน โครงการ งบประมาณ พัฒนาฐานข้อมูล และถอดบทเรียนความสำเร็จของโครงการพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ให้เป็นที่ประจักษ์สืบไป ทั้งนี้ สศก. จะเป็นหน่วยงานหลักในการติดตามความก้าวหน้าโครงการและนำเสนอข้อมูลเพื่อขยายผลต่อไป โดยมีเป้าหมายคือการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและชุมชนให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในมิติเศรษฐกิจ สังคม และทรัพยากรอย่างยั่งยืน

 
ในโอกาสนี้ เลขาธิการ สศก. ยังได้มอบนโยบาย “การขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2569” โดยเน้นย้ำถึงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการ สืบสาน รักษา และต่อยอด ตามแนวพระราชปณิธาน โดยเฉพาะหลักการ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ และสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ซึ่งการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2569 จะมุ่งเน้นให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรมผ่าน 5 มิติหลัก ได้แก่ มิติที่ 1 บูรณาการ เน้นการใช้ข้อมูลร่วมกันในทิศทางเดียวและมีความเป็นเอกภาพ มิติที่ 2 นวัตกรรมใหม่ เน้นการสร้างวิธีการทำงานและผลลัพธ์ใหม่ รวมถึงการสร้างเครือข่ายและความร่วมมือกับภาคีต่างๆ มิติที่ 3 ความยั่งยืน เน้นผลลัพธ์ที่มั่นคงตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มิติที่ 4 การต่อยอด เพื่อรักษา ขยาย และปรับปรุงโครงการอย่างต่อเนื่อง และ มิติที่ 5 การติดตาม ประเมินผลการดำเนินงาน

 
"เป้าหมายสูงสุดคือการสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมใน 4 ด้าน คือ 1. ผลลัพธ์เชิงเศรษฐกิจ ที่ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นและมั่นคงทางการเงิน 2. ผลลัพธ์เชิงสังคม การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน 3. ผลลัพธ์เชิงสิ่งแวดล้อม การรักษา ฟื้นฟู และใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และ 4. ผลลัพธ์เชิงความยั่งยืน ที่เกิดความมั่นคงและความต่อเนื่องของความสำเร็จในระยะยาว ทั้งนี้ เพื่อให้การติดตามผลโครงการเป็นไปอย่างแม่นยำและโปร่งใส กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักงานปลัดกระทรวงฯ และ สศก. ได้ร่วมกันพัฒนา Dashboard กลาง ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกหน่วยงานในสังกัด ให้ผู้บริหารสามารถติดตามสถานการณ์และนำผลลัพธ์มาปรับปรุงนโยบายได้อย่างทันท่วงที" เลขาธิการ สศก. กล่าว

 
ด้าน นางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการ สศก. กล่าวเพิ่มเติมว่า สศก. ในฐานะองค์กรนำในการพัฒนาภาคเกษตรและมีบทบาทสำคัญในการบูรณาการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยปัจจุบัน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดูแลโครงการรวม 4,145 โครงการ หรือคิดเป็นกว่าร้อยละ 80 จากโครงการทั้งหมด 5,201 โครงการ สำหรับการสัมมนาเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ ประกอบด้วยกิจกรรม นิทรรศการ การบรรยาย การระดมสมอง และ Facebook Live เศรษฐกิจการเกษตรเพื่อประชาชน มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นเวทีสำคัญในการบูรณาการข้อมูลการติดตาม กำหนดประเด็นตัวชี้วัดผลผลิต และผลลัพธ์ความสำเร็จ เพื่อส่งเสริมข้อมูลที่เป็นเอกภาพในการติดตามโครงการ และสนับสนุนการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสมพระเกียรติที่พร้อมขับเคลื่อนเพื่อประโยชน์สุขของเกษตรกรไทยอย่างทั่วถึง
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 26 พ.ย. 2568 เวลา : 18:25:34
26-11-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 26, 2025, 6:48 pm