
วันนี้ (9 ธันวาคม 2568) นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการ รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยามีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากช่วงปลายฤดูฝนที่ผ่านมา เขื่อนหลักทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำเกือบเต็มความจุ สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้ร่วมกันบริหารจัดการน้ำอย่างใกล้ชิด โดยกำหนดอัตราการระบายน้ำของเขื่อนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ท้ายน้ำ พร้อมรักษาปริมาณน้ำต้นทุนให้เพียงพอสำหรับการใช้น้ำในฤดูแล้งนี้ ปัจจุบันเขื่อนทั้ง 4 แห่งดังกล่าว มีปริมาณน้ำรวม 24,350 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือร้อยละ 98 ของความจุเก็บกัก รวมถึงมีการระบายน้ำรวม 56 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน
ด้านสถานการณ์น้ำที่จังหวัดนครสวรรค์ มีอัตราการไหลผ่าน 1,381 ลบ.ม. ต่อวินาที ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยามีการระบายน้ำที่ 1,180 ลบ.ม. ต่อวินาที และมีแนวโน้มปรับลดลงได้ตามลำดับ โดยคาดว่าจะมีการระบายน้ำอยู่ในเกณฑ์ 700 ลบ.ม. ต่อวินาที ในช่วงวันที่ 21 – 22 ธันวาคมนี้ พร้อมกันนี้ สทนช. ยังได้ร่วมกับกรมชลประทานเร่งระบายน้ำออกจากทุ่งลุ่มต่ำที่ทำหน้าที่เป็นพื้นที่หน่วงน้ำในช่วงน้ำหลาก โดยทุ่งฝั่งซ้ายคลองชัยนาท – ป่าสัก สิ้นสุดการระบายน้ำแล้ว ส่วนทุ่งบางระกำและ 10 ทุ่งเจ้าพระยาตอนล่าง ยังมีน้ำคงเหลือรวม 1,352 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 79.25 ของพื้นที่ทั้งหมด และยังคงระบายน้ำออกอย่างต่อเนื่องในอัตรา 25 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน จนกว่าจะคงเหลือน้ำในทุ่งรวมประมาณ 493 ล้าน ลบ.ม. เพื่อสำรองไว้ใช้ในการเตรียมเพาะปลูกข้าวนาปรังและพืชฤดูแล้ง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2569
ข่าวเด่น