เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
Special Report : ทรัมป์ ลงนามควบคุม AI ทั่วทั้งสหรัฐ ทำวงการเทคปั่นป่วน


การรวมศูนย์อำนาจ ดูเหมือนว่าจะเป็นรูปแบบการปกครองที่   โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ จะนิยมชมชอบเป็นอย่างยิ่ง ทั้งการถือสิทธิในการเข้าครอบครองดินแดนอื่นนอกสหรัฐ หรือการดำเนินการทางการเมืองที่จะเป็นที่ 1 ของโลกตามนโยบาย America First ด้วยการออกมาตรการทางภาษีที่ปั่นป่วนการค้าโลกมาแล้วก็ตาม และล่าสุดนี้ ก็ถึงคราวของกลุ่มเทคโนโลยี ที่ทรัมป์ตั้งใจจะเรียกอำนาจกลับคืนสู่รัฐบาลกลางเข้าควบคุม AI ระดับชาติมาตรฐานเดียว และลดทอนอำนาจของแต่ละรัฐ ที่เคยออกกฎหมายควบคุม AI เองในแต่ละพื้นที่
 
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร เพื่อใช้เป็นกรอบในการกำกับดูแล AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ทั่วประเทศด้วยมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด แทนการกระจายอำนาจให้ในแต่ละรัฐออกกฎหมายกำกับดูแลเทคโนโลยีกันเอง โดยในคำสั่งมีใจความว่า บริษัท AI ของสหรัฐอเมริกา ต้องได้รับอิสระในการพัฒนานวัตกรรม โดยปราศจากกฎระเบียบที่ยุ่งยากซับซ้อน อย่างกฎหมายที่ควบคุมโดยรัฐต่าง ๆ จำนวน 50 รัฐ ซึ่งมากเกินความจำเป็นจนเสียเปรียบในการแข่งขันด้าน AI ระดับโลก ทั้งนี้ หากมีรัฐไหนไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ หน่วยงาน AI Litigation Task Force ที่จัดตั้งขึ้นโดยกระทรวงยุติธรรม จะดำเนินคดีกับรัฐนั้น ๆ และอาจต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านเงินทุน
 
หากพิจารณาการเคลื่อนไหวครั้งนี้ แม้จะนับเป็นชัยชนะของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง OpenAI, Google และบริษัทร่วมลงทุน Andreessen Horowitz ที่สามารถขจัดกฎระเบียบยิบย่อยของแต่ละรัฐได้ แต่มันก็ไม่ใช่ภาพที่สวยงามทั้งหมด เพราะสิ่งที่ทรัมป์ทำ คือการดำเนินการเชิงรุกที่หวังลดทอนบทบาทของรัฐสภาและหน่วยงานอิสระ ด้วยวิธีการควบคุมหน่วยงานรัฐและสร้าง “กฎหมายเดียว' ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการขยายอำนาจรัฐบาลกลางเหนือรัฐย่อย ซึ่งการที่ทรัมป์วางกฎระเบียบ AI แบบรวมศูนย์ที่มีอำนาจเหนือกฎหมายของรัฐ มันเป็นการสกัดไม่ให้รัฐอย่างแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์กที่อยู่ในฝั่งเสรีนิยม หรือพรรคเดโมแครต เข้ามาควบคุมอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตนี้ โดยในเชิงการเมืองนั้น พรรคเดโมแครตจะเสียอำนาจต่อรองจากฐานเสียงของรัฐที่ลดลง เพราะแต่ก่อนที่จะมีข้อบังคับของทรัมป์ แคลิฟอร์เนีย และนิวยอร์กเคยเป็นสนามทดลองที่ออกกฎระเบียบคุม Big Tech ซึ่งผลักดันเรื่องของ Privacy, AI Bias และ Labor Protection แต่ตอนนี้ไม่สามารถทำได้แล้ว
 
ซึ่งด้วยทิศทางการควบคุม AI ที่เปลี่ยนแปลงไปนี้เอง ย่อมส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ที่จะเกิดความผันผวนในระยะนี้ เพราะการควบคุม AI ที่ดูเป็นธรรมนี้ มันกลายเป็นกำแพงที่กันสตาร์ทอัพรายเล็กออกจากตลาด ทำให้การแข่งขันในวงการเทคนั้นลดลง จากการที่รัฐบาลกลางมีแนวโน้มที่จะแทรกแซงสูงขึ้นได้ในอนาคต รวมถึงการคงผลประโยชน์ไว้กับบริษัทรายใหญ่ตามที่ได้เห็นในขณะนี้ ก็เป็นภาวะเสี่ยงที่ หุ้น AI รายกลาง–รายเล็ก เสี่ยงโดนเทขายได้ตลอด ซึ่งก็ต้องดูตามบริบทต่อไปว่ากฎที่ออกจะเข้มงวดแค่ไหน โดยเมื่อถึงเวลานั้นก็อาจทำให้ตลาดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้อีกครั้ง
 
อย่างไรก็ตาม ได้มีบริษัท AI หลายแห่ง มีการขยายสำนักงานเข้าสู่กรุงวอชิงตัน และเริ่มทุ่มงบผ่านซูเปอร์ PAC ไม่น้อยกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการเลือกตั้งกลางเทอมปี 2026 ซึ่งก็เป็นการเอาตัวรอดอีกรูปแบบหนึ่งที่กระจายความเสี่ยงทางด้านการเมือง เพื่อชั่งน้ำหนักรอดูว่าใครจะเป็นฝ่ายคุมสภาได้ในช่วงเวลาดังกล่าว

LastUpdate 14/12/2568 21:19:08 โดย : Admin
15-12-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 15, 2025, 5:41 am