
“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “การเมืองไทยในปี 2568” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,194 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 9-12 ธันวาคม 2568 สรุปผลได้ ดังนี้
1. โดยรวมประชาชนมองการเมืองไทยตลอดปี 2568 เทียบกับปี 2567 เป็นอย่างไร
อันดับ 1 แย่ลง 55.53%
อันดับ 2 เหมือนเดิม 30.40%
อันดับ 3 ดีขึ้น 14.07%
2. ตลอดปี 2568 เรื่องใดบ้างที่ทำให้ประชาชนรู้สึกกังวลใจต่อสถานการณ์บ้านเมือง
อันดับ 1 การจัดการภัยพิบัติไม่เป็นระบบ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว 67.59%
อันดับ 2 เศรษฐกิจไม่ฟื้น ค่าครองชีพสูง ปัญหาปากท้อง 66.58%
อันดับ 3 ความไม่โปร่งใส ปัญหาทุจริต สแกมเมอร์ 58.79%
อันดับ 4 สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา 58.04%
อันดับ 5 ความขัดแย้งทางการเมือง 56.53%
3. ประชาชนคิดอย่างไรต่อ “พรรคการเมืองไทย” ตลอดปี 2568
อันดับ 1 เน้นทำเพื่อประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประชาชน 59.05%
อันดับ 2 เล่นเกมการเมืองกันไปมา มีความขัดแย้ง 58.29%
อันดับ 3 บางพรรคดีขึ้น ตั้งใจทำงานตอบโจทย์ประชาชน 43.47%
อันดับ 4 ไม่มีพรรคการเมืองใดสร้างความเชื่อมั่นได้ 40.20%
อันดับ 5 เปิดเผยข้อมูล รับฟังเสียงประชาชนมากขึ้น 37.44%
4. จากการทำงานของพรรคฝ่ายรัฐบาลตลอดปี 2568 สิ่งใดมีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชน
อันดับ 1 แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพได้จริง 56.28%
อันดับ 2 มีความสามารถในการบริหารจัดการภัยพิบัติต่าง ๆ 51.01%
อันดับ 3 การบริหารประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ มีผลงานเด่นชัด 47.74%
อันดับ 4 โปร่งใส ตรวจสอบได้ 46.98%
อันดับ 5 ดูแลความมั่นคงของประเทศได้ 45.73%
5. จากการทำงานของพรรคฝ่ายค้านตลอดปี 2568 สิ่งใดมีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชน
อันดับ 1 ตรวจสอบรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา 64.07%
อันดับ 2 ทำงานและอภิปรายในสภาอย่างมีประสิทธิภาพ 52.35%
อันดับ 3 ยืนหยัดเพื่อประโยชน์ประชาชน ไม่เกรงกลัวอิทธิพล 50.59%
อันดับ 4 ผู้นำฝ่ายค้านน่าเชื่อถือ มีภาพลักษณ์ที่ดี 48.24%
อันดับ 5 สื่อสารกับประชาชนเข้าใจง่าย 42.96%
* หมายเหตุ ผู้ตอบสามารถระบุความคิดเห็นได้มากกว่า 1 เรื่อง (ค่าร้อยละจึงคำนวณในแต่ละข้อ)
สรุปวิเคราะห์ผลโพล : การเมืองไทยในปี 2568
“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “การเมืองไทยในปี 2568” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,194 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 9-12 ธันวาคม 2568 พบว่า กลุ่มตัวอย่างมองภาพรวมการเมืองไทยตลอดปี 2568 แย่ลง ร้อยละ 55.53 โดยเรื่องที่ทำให้รู้สึกกังวลใจต่อสถานการณ์บ้านเมือง คือ การจัดการภัยพิบัติที่ไม่เป็นระบบ เช่น น้ำท่วมและแผ่นดินไหว ร้อยละ 67.59 เมื่อพิจารณาความเห็นต่อพรรคการเมืองไทย พบว่า กลุ่มตัวอย่างมองว่าพรรคการเมืองยังเน้นทำเพื่อประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประชาชน ร้อยละ 59.05 จากการทำงานของพรรคฝ่ายรัฐบาลตลอดปี 2568 สิ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชน คือ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจและค่าครองชีพได้จริง ร้อยละ 56.28 ส่วนของพรรคฝ่ายค้าน คือ การตรวจสอบรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา ร้อยละ 64.07
ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ผลโพลสะท้อนว่าประชาชนมองการเมืองไทยแย่ลง โดยมีปัญหาการจัดการภัยพิบัติและเศรษฐกิจเป็นตัวเร่งความกังวล ขณะที่ยังเห็นว่าพรรคการเมืองทำเพื่อประโยชน์ของตนเองมากกว่า และหากมีการเลือกตั้ง ปัจจัยชี้ขาดการตัดสินใจจะอยู่ที่ผลงานที่จับต้องได้ ซึ่งเป็นมาตรฐานพื้นฐานของการบริหารประเทศ ทว่าตลอดปี 2568 ยังเป็นสิ่งที่ประชาชนเห็นภาพไม่ชัด และอยากเห็นผลงานจริงมากกว่าการเล่นเกมการเมืองกันไปมา
ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
ผศ.สรศักดิ์ มั่นศิลป์ รองคณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิเคราะห์ว่า จากผลโพลของสวนดุสิตโพล ประชาชนมองการเมืองไทยตลอดปี 2568 เมื่อเทียบกับปี 2567 อับดับหนึ่งเห็นว่าแย่ลง แสดงให้เห็นว่าประชาชนอาจมีความเบื่อหน่ายหรือไม่ชอบบรรยากาศการเมืองที่เป็นอยู่ จากเหตุอุทกภัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นหลายพื้นที่ในประเทศ โดยเฉพาะล่าสุดที่เกิดขึ้นที่อำเภอหาดใหญ่ ประชาชนจึงรู้สึกกังวลใจต่อสถานการณ์บ้านเมืองในเรื่องนี้มากที่สุด ต่อมาประชาชนส่วนใหญ่มีความเห็นว่าพรรคการเมืองยังเน้นทำเพื่อประโยชน์ส่วนตนมากกว่าทำเพื่อประชาชนอันเป็นเครื่องเตือนใจว่าพรรคการเมืองควรหันมามองประชาชนให้มากขึ้น ส่วนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพให้ได้จริงเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการให้พรรครัฐบาลทำมากที่สุด อันจะส่งผลต่อการเลือกตั้งเป็นเหตุให้นโยบายคนละครึ่งจึงค่อนข้างประสบความสำเร็จ นอกจากนี้การทำงานของพรรคฝ่ายค้านที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชน ส่วนใหญ่ต้องการให้ตรวจสอบรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมาซึ่งพรรคฝ่ายค้านน่าจะทำได้ดีเพราะถึงขั้นรัฐบาลต้องตัดสินใจยุบสภาในที่สุด
ผศ.สรศักดิ์ มั่นศิลป์ รองคณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
ข่าวเด่น