การค้า-อุตสาหกรรม
สศก. คาดดีมานด์กาแฟโลก 10.16 ล้านตัน ผลผลิตไทย 16,534 ตัน เกษตรฯ ขับเคลื่อนยกระดับ 1.2 หมื่นครัวเรือน รับมาตรฐาน EUDR


นางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผย ถึงสถานการณ์การผลิตกาแฟของไทยในปีเพาะปลูก 2568/69 (ข้อมูลพยากรณ์ ณ เดือนตุลาคม 2568) ว่า มีเนื้อที่เก็บเกี่ยว 183,842 ไร่ ลดลงจากปีที่ผ่านมาจำนวน 3,025 ไร่ หรือร้อยละ 1.62 ผลผลิตต่อไร่ 90 กิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาจำนวน 4 กิโลกรัม หรือร้อยละ 4.65 และ ผลผลิตรวม 16,534 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีจำนวน 514 ตัน หรือร้อยละ 3.21 โดยปัจจัยหลักมาจากการดูแลรักษาที่ดีและสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ทำให้ปริมาณผลผลิตต่อไร่และคุณภาพเมล็ดกาแฟปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าพื้นที่ให้ผลผลิตภาพรวมจะลดลงเล็กน้อยก็ตาม โดยปัจจุบันแบ่งเป็นกาแฟพันธุ์อาราบิกา ร้อยละ 67.46 และพันธุ์โรบัสตา ร้อยละ 32.54 สำหรับแหล่งผลิตสำคัญ 3 ลำดับแรก ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และชุมพร

 
ในส่วนของราคาที่เกษตรกรขายได้ ในรูปสารกาแฟ เฉลี่ยปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 123.01 บาท/กิโลกรัม สำหรับราคาในปี 2568 เฉลี่ยอยู่ที่ 187.54 บาท/กิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ร้อยละ 52.4 เนื่องจากผลผลิตในปี 2568 ลดลงจากปีที่ผ่านมา และความต้องการซื้อมากขึ้น

 
สำหรับด้านตลาดและความต้องการใช้เมล็ดกาแฟของโลกในปีการผลิต 2568/69 สศก. คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 10.16 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.70 จากปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงการบริโภคที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในตลาดสำคัญ ได้แก่ สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา จีน และสหราชอาณาจักร สอดคล้องกับตลาดภายในประเทศที่ได้รับปัจจัยหนุนจากพฤติกรรมการบริโภคของคนรุ่นใหม่ที่นิยมดื่มกาแฟสดมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้เมล็ดกาแฟในไทยเติบโตขึ้นตามลำดับ

 
 
รองเลขาธิการ สศก. กล่าวต่อว่า จากการประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพข้อมูลด้านพืช เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 ได้มีการวางแนวทางการบริหารจัดการเพื่อผลักดันไทยสู่ฐานการผลิตกาแฟคุณภาพระดับภูมิภาค โดยมีแผนเตรียมเสนอและผลักดันนโยบายขยายพื้นที่ปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิกาเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1,000 ไร่ ในพื้นที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ที่มีความเหมาะสม ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการผลิตต้นกล้าพันธุ์โรบัสตาในพื้นที่ลุ่มต่ำ (Low Land) เพื่อรองรับความต้องการของตลาด จากข้อมูลสถิติย้อนหลัง 5 ปี พบว่า ตลาดจีนและสหราชอาณาจักร มีอัตราการเติบโตโดดเด่นกว่าร้อยละ 6 ต่อปี สืบเนื่องจากวิถีชีวิตการดื่มกาแฟทั้งในร้านและการชงดื่มเองที่บ้านขยายตัว โดยเฉพาะในจีนที่มีการเปิดร้านกาแฟใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถือเป็นโอกาสสำคัญของการส่งออกกาแฟไทย

 
 
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับการแข่งขันและมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะกฎระเบียบว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EU Deforestation Regulation: EUDR) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้เร่งขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านกาแฟ พ.ศ. 2569–2572 โดยคณะทำงานร่วมรัฐและเอกชน มีเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาเกษตรกรจำนวน 12,000 ครัวเรือน ให้เข้าสู่ระบบการผลิตกาแฟคุณภาพภายในระยะเวลา 3 ปี พร้อมทั้งส่งเสริมเทคโนโลยี การวิจัยพัฒนา และสร้างระบบตลาดที่โปร่งใส การเตรียมความพร้อมตั้งแต่ต้นน้ำจะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของกาแฟไทย และเปลี่ยนข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมให้เป็นโอกาสในการเจาะตลาดคู่ค้าสำคัญ ที่เน้นความยั่งยืนต่อไป
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 15 ธ.ค. 2568 เวลา : 16:19:24
17-12-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 17, 2025, 12:06 pm