หุ้นทอง
Special Report : ทองคำโลก ทุบสถิติใหม่เหนือ 4,500 ดอลลาร์
รับความคาดหวังลดดอกเบี้ย-ความตึงเครียดในเวเนซุเอลา


"ทองคำโลก" พุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือระดับ 4,500 ดอลลาร์สหรัฐได้เป็นครั้งแรก เนื่องจากการไต่ระดับความตึงเครียดในเวเนซุเอลา หลังจากสหรัฐเพิ่มแรงกดดันทางทหารและเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับท่าทีการกดดันความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือ Fed จากประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เพิ่มความคาดหวังว่า Fed จะมีการปรับลดอัตราเบี้ยเพิ่มเติม
 
วันที่ 24 ธ.ค. 2568 ทองคำโลกได้เข้าทุบสถิติใหม่ ทะลุ 4,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ได้เป็นครั้งแรก โดยราคา Gold Spot ทะยานขึ้นไปถึง 4,526 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนจะย่อตัวลงมาเล็กน้อย ซึ่งหากดูในทิศทางของราคาทองคำในตลาดสปอต จะพบว่ามีการปรับขึ้นเกือบ 1% ต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน แม้ว่า GDP ของสหรัฐ ในไตรมาส 3 ของปี 2568 ตามการรายงานของวันอังคารที่ผ่านมา จะออกมาดีกว่าคาดอยู่ที่ 4.3% ซึ่งนับว่าเป็นการเติบโตสูงสุดในรอบ 2 ปี จากสาเหตุที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ภาคธุรกิจที่แข็งแกร่ง และนโยบายการค้าที่ผ่อนคลายลง ทำให้ตลาดลดความคาดหวังเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ราคาทองคำเลยย่อตัวทดสอบที่ระดับ 4,430 ดอลลาร์ ณ ช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนที่ทรัมป์จะชุบชีวิต ด้วยการออกมาประกาศจุดยืนอย่างชัดเจน ถึงการวาง “กฎของทรัมป์ (The Trump Rule)” สำหรับการคัดเลือกประธาน Fed คนใหม่ ที่ต้องเห็นด้วยกับการลดดอกเบี้ย เมื่อเศรษฐกิจกำลังดี ไม่ใช่การพังตลาดด้วยการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาด อย่างการเดินหน้ามาตรการปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งทรัมป์มีการประณามอย่างชัดเจนว่า เป็นการทำลายการเติบโตของตลาดโดยไม่จำเป็น
 
ส่วนทางด้านของ เควิน แฮสเซ็ตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติของสหรัฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเต็งประธาน Fed คนใหม่ ได้ออกมาให้ความเห็นผ่าน CNBC ว่า ในอดีต Fed ดำเนินนโยบายปรับลดดอกเบี้ยช้าเกินไป แม้สภาวะเศรษฐกิจจะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3 ก็ตาม และยังกล่าวสนับสนุนเทคโนโลยี AI ที่ได้เข้ามาช่วยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ และช่วยลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ขณะที่นโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์ แฮสเซ็ตต์ก็มองว่าช่วยลดการขาดดุลทางการค้าสหรัฐ และผลักดันให้ GDP ไตรมาส 3 ของปีนี้ เติบโตสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้มาก ซึ่งท่าทีว่าที่ประธาน Fed ดังกล่าว ดูจะสอดคล้องกับทรัมป์ในเรื่องการผลักดันนโยบายดอกเบี้ยต่ำ เป็นแรงหนุนที่ทำให้ตลาดคาดหวังว่า Fed จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมลงอีกในระยะต่อไป และทำให้ราคาทองคำทะยานขึ้นจนมาถึงจุด All Time High ในขณะนี้
 
ไม่เพียงแค่นั้น อีกหนึ่งแรงส่งหลัก ที่หนุนทิศทางราคาทองคำให้เติบโตขึ้น คือ สภาวะความขัดแย้งที่พัฒนาไปเป็นสงคราม จนตลาดมีการเข้าซื้อทองคำกันมากขึ้น ซึ่งก็ได้แก่ความตึงเครียดในเวเนซุเอลา ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากรัฐบาลของทรัมป์ตั้งใจจะคว่ำบาตรและตัดทอนการเติบโตเศรษฐกิจของเวเนซุเอลาอย่างถึงที่สุด พร้อมทั้งเพิ่มแรงกดดันทางทหาร อย่างการที่สหรัฐได้ส่งกำลังทหารจำนวนมากไปยังทะเลแคริบเบียน เพื่อสกัดกั้นเรือบรรทุกน้ำมันภายใต้มาตรการคว่ำบาตร โดยความขัดแย้งที่สหรัฐใช้กำลังที่เหนือกว่า ทำให้หลายฝ่ายเกิดการมองว่า ทรัมป์อาจกำลังใช้ยุทธศาสตร์เพื่อคุมซีกโลกตะวันตก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกเป็นวงกว้าง
 
ดังนั้น ด้วยสถานการณ์โลกที่อยู่บนความไม่แน่นอน นำโดยผู้นำสหรัฐอย่างทรัมป์ที่มีการดำเนินนโยบายอย่างไม่มีใครคาดเดาได้ ทองคำจึงเหมือนกับเป็น Safe Haven ที่กักเก็บความมั่งคั่งเอาไว้ในยามที่โลกเข้าสู่ความไม่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ในช่วงระยะสั้น ราคาทองคำอาจมีการพักฐาน จากแรงเทขาย เนื่องจากราคาที่ทะยานขึ้นมาค่อนข้างเร็ว ส่วนในระยะต่อไป ราคาทองยังมีโอกาสขึ้นต่อได้ หากแรงซื้อยังอยู่ และ Fed มีการลดดอกเบี้ยจริง ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนมองเป้าหมายที่เป็นไปได้ในกรอบ 4,800-5,000 ดอลลาร์สหรัฐ

LastUpdate 24/12/2568 20:46:07 โดย : Admin
25-12-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 25, 2025, 4:03 am