
ฮุนได มอเตอร์ ตอกย้ำสถานะผู้นำเทคโนโลยียานยนต์โลก ด้วยการติดอันดับ World's Best Companies 2025 ของ TIME และ Top 30 Interbrand Best Global Brands เติบโตต่อเนื่อง 16 ปี
รถยนต์และเทคโนโลยีของฮุนไดได้รับการยอมรับในเวทีโลก ทั้งรางวัล World Electric Vehicle of the Year และมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด IIHS สะท้อนการพัฒนาที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง
ฮุนไดเดินหน้ากลยุทธ์ EV, Hybrid และ Hydrogen ควบคู่กัน ผ่านรุ่นสำคัญอย่าง IONIQ 9 และ all-new NEXO เพื่อสร้างระบบการเดินทางแห่งอนาคตที่ยั่งยืนและยืดหยุ่น
ฮุนไดตอกย้ำแผนธุรกิจระยะยาวในไทย ด้วยการลงทุนตั้งโรงงานประกอบรถยนต์และแบตเตอรี่ มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท รองรับการขยายรถไฟฟ้าและไฮบริดในอนาคต
การลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ทั้งระบบไฟฟ้า ซอฟต์แวร์ และพลังงานไฮโดรเจน เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่เสริมความแข็งแกร่งให้ฮุนไดในตลาดโลก
ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนโลกใบนี้ไปอย่างรวดเร็ว ฮุนได มอเตอร์ ยังคงเดินหน้าตอกย้ำสถานะผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก ด้วยการขับเคลื่อนนวัตกรรมด้าน Mobility อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดบริษัทติดโผ “World’s Best Companies 2025” โดยนิตยสาร TIME ในอันดับที่ 33 จาก 1,000 บริษัทในลิสต์ สะท้อนทั้งความแข็งแกร่งของผลประกอบการและศักยภาพในการพัฒนาเทคโนโลยีที่พลิกโฉมโลก โดยในปี 2568 ฮุนไดมีมูลค่าแบรนด์สูงถึง 24.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยับขึ้นสู่อันดับ 30 ของ Interbrand Best Global Brands Rankings ที่เติบโตต่อเนื่องยาวนาน 16 ปีตั้งแต่ปี 2010 และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 72% ภายใน 5 ปี พร้อมรักษาตำแหน่ง Top 30 แบรนด์ระดับโลกเป็นปีที่สองติดต่อกัน
ผลงานด้านนวัตกรรมยานยนต์ของฮุนได ก็ได้รับการการันตีจากเวทีระดับโลกอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า INSTER ที่คว้ารางวัล World Electric Vehicle of the Year จากเวที World Car Awards ต่อเนื่องเป็นปีที่สี่ นอกจากนี้ รถยนต์ฮุนไดถึง 7 รุ่น ยังผ่านมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด IIHS TOP SAFETY PICK+ ในสหรัฐฯ สะท้อนความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ยกระดับมาตรฐานการเดินทาง โดยรถทุกรุ่นและทุกฟังก์ชันที่ออกแบบขึ้นมา ต้องตอบโจทย์การใช้งานจริงอย่างรอบด้าน
นอกจากความแข็งแกร่งด้าน EV ฮุนได ยังได้เดินหน้าวางกลยุทธ์ “หลายเทคโนโลยี–หลายทางเลือก” ด้วยการขยายพอร์ตโฟลิโอให้ครอบคลุมทั้งรถยนต์ไฟฟ้า ไฮบริด และไฮโดรเจน โดยแบรนด์ได้เปิดตัว IONIQ 9 สุดยอด SUV พลังไฟฟ้าและ All-New NEXO รถเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนรุ่นใหม่ ควบคู่การผลักดันรถยนต์ไฮบริด ที่เป็นดั่งสะพานเชื่อมโลกสองใบที่พาผู้ขับขี่เปลี่ยนผ่านสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างมั่นใจ สะท้อนวิสัยทัศน์ของแบรนด์ที่มองไกลไปสู่การสร้างระบบการเดินทางแห่งอนาคตที่รองรับผู้บริโภคทุกกลุ่ม
ในฐานะผู้นำด้านการพัฒนายานยนต์ไฮไดรเจน ฮุนไดเดินหน้าขับเคลื่อนระบบพลังงานไฮโดรเจนผ่านแพลตฟอร์ม HTWO โดยร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงาน Hydrogen Council Global CEO Summit ณ กรุงโซล เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการจัดการประชุมระดับโลกในหัวข้อการใช้ยานยนต์พลังงานไฮโดรเจน 100% นับเป็นหมุดหมายสำคัญที่ตอกย้ำว่าเทคโนโลยีไฮโดรเจนของฮุนไดกำลังก้าวจากแนวคิดสู่การใช้งานจริงในระดับอุตสาหกรรม
บรรยายภาพ: ฮุนได มอเตอร์ กรุ๊ป ตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านเทคโนโลยีไฮโดรเจนระดับโลก เดินหน้าสร้างความร่วมมือกับผู้นำอุตสาหกรรมพลังงานไฮโดรเจนจากทั่วโลก ในเวที Hydrogen Council Global CEO Summit เพื่อผลักดันการพัฒนาระบบนิเวศไฮโดรเจนอย่างครบวงจร ตั้งแต่การผลิต การจัดเก็บ ไปจนถึงการนำไปใช้งานจริงในภาคยานยนต์และพลังงานสะอาด สะท้อนวิสัยทัศน์ของฮุนไดในการขับเคลื่อนอนาคตของ Mobility ที่ยั่งยืนและปลอดคาร์บอนในระดับสากล
จากความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นทั่วโลก ตลาดยานยนต์ในเมืองไทยก็ไม่น้อยหน้า ฮุนได ยังคงเดินหน้านำเสนอยนตรกรรมระดับโลกที่ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากผู้บริโภคชาวไทย ไม่ว่าจะเป็น Hyundai all-new SANTA FE Hybrid ที่ทั้งประหยัด ขับขี่สนุก และโดดเด่นด้วยสมรรถนะเหนือชั้นจากระบบ Parallel Hybrid เจเนอเรชันใหม่ นอกจากนี้ รถยนต์ไฟฟ้าของฮุนได ยังขับเคลื่อนด้วยแพลตฟอร์ม E-GMP ซึ่งเป็นหัวใจของ IONIQ 5, IONIQ 6 และ IONIQ 5 N ที่ขึ้นชื่อเรื่องระบบชาร์จเร็ว 80 โวลต์ การขับขี่ที่ลื่นไหล และการออกแบบรถที่คำนึงถึงไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน
เมื่อรวมเทคโนโลยี EV, ไฮบริด และไฮโดรเจน เข้าด้วยกัน จะเห็นว่าฮุนไดกำลังวางหมาก “หลายเทคโนโลยี-หลายทางเลือก” เพื่อรองรับโลกที่ไม่ได้เปลี่ยนพร้อมกันทุกประเทศ เป้าหมายของฮุนไดคือการสร้างระบบขับเคลื่อนที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ พร้อมขยายบทบาทของไฮโดรเจนจาก “พลังงานเพื่อรถยนต์” ไปสู่ “พลังงานเพื่อสังคม” ด้วยเป้าหมายในการนำไปใช้ในรถบรรทุกหนัก ขนส่งมวลชน ไปจนถึงเครื่องกำเนิดเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Generator) สำหรับเป็นพลังงานสำรองในพื้นที่อุตสาหกรรม หรือโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องการความเสถียรสูง
การเอาจริงเรื่องรถพลังงานไฮโดรเจนของฮุนได ทำให้ตลาดทั่วโลก รวมถึงแฟนฮุนไดในเมืองไทยจับตาทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีของฮุนไดในปี 2569 โดยเฉพาะการเฝ้าดูว่าแบรนด์ จะนำเทคโนโลยีระดับโลกรูปแบบใดเข้ามาสู่ตลาดไทยในปีหน้า แน่นอนว่าการนำเทคโนโลยีไฮโดรเจนมาใช้งานจริงในประเทศไทยนั้น จะต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ให้บริการด้านพลังงาน แต่ฮุนได ก็ได้แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการก้าวสู่โลกพลังงานสะอาดรูปแบบใหม่ ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยี BEV, Hybrid และ FCEV ควบคู่กันมาโดยตลอด ซึ่งวิสัยทัศน์ที่คิดแบบรอบด้านนี้ จะช่วยให้แบรนด์สามารถปรับกลยุทธ์และตอบสนองความต้องการของแต่ละประเทศ รวมถึงประเทศไทยได้อย่างเหมาะสม
ทั้งนี้สิ่งที่เห็นได้ชัดคือความตั้งใจทำธุรกิจระยะยาวในเมืองไทยของฮุนได ซึ่งแม้จะยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นทางการ แต่ก็ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า ฮุนได กำลังลงทุนจัดตั้งโรงงานประกอบแบตเตอรีและโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทย มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มสายการผลิตได้ในไตรมาส 2 ของปี 2569 ด้วยกำลังการผลิตราว 5,000 คัน เน้นการผลิตตามความต้องการของตลาด ควบคู่กับการขยายไลน์รถยนต์ไฟฟ้าบนแพลตฟอร์ม E-GMP ที่รองรับการชาร์จเร็ว พื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขึ้น และสมรรถนะการขับขี่ที่ดีขึ้นในทุกมิติ รวมถึงการพัฒนาระบบไฮบริดเจเนอเรชันใหม่สำหรับรถ SUV และรถครอบครัว
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์ยังยกให้ปี 2569 เป็นปีที่จะมีการผลักดันเทคโนโลยีดิจิทัลและระบบความปลอดภัยขั้นสูง (ADAS) อย่างจริงจังมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ OTA, ระบบ AI ภายในรถ หรือเทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะ ซึ่งล้วนสอดคล้องกับกลยุทธ์ระดับโลกของฮุนได ในการยกระดับประสบการณ์การขับขี่และความปลอดภัยของผู้ใช้รถในทุกตลาด รวมถึงประเทศไทยด้วย
ข่าวเด่น